แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ (The Secret of the Rain Clouds) แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ (The Secret of the Rain Clouds) แสดงบทความทั้งหมด

10 กรกฎาคม 2552

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์

การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์ในโลกอันกว้างนั้นสามา รถจำแนกออกเป็นหลายสาขาด้วยกัน อาทิเช่น สิ่งมหัศจรรย์สาขาภูมิศาสตร์ , สาขาประวัติศาสตร์ , สาขาจิตร
กรรม และสถาปัตยกรรม , สาขาชีววิทยา และก็ สาขาวิทยาศาสตร์

การจัดแบ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม สามารถแบ่งได้เป็น 3 ยุค คือ

1. สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
2. สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
3. สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน

1. สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ (อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 500)

ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง ยุคโบราณเป็นผลงานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล ์ ในประเทศอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณและยุคสมัยอ าณาจักรโรมันเรืองอำนาจ อันได้แก่

1) พีระมิดแห่งเมืองกิเซห์


สถานที่ตั้ง เมืองกิเซห์ ประเทศอียิปต์ ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

พีระมิดเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์อียิปต์ในสมัยโบร าณ ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ห่างไปทางตอนใต้ของเมืองอเลกซานเดรีย ประมาณ 160 กิโลเมตร สร้างด้วยหินเป็นรูปกรวยเหลี่ยม เมื่อประมาณ 3500 ปี ก่อนคริสตกาล กินเนื้อที่ในบริเวณพีระมิด 131 เอเคอร์ พีระมิดนี้ สูงถึง 147 เมตร ฐานกว้างด้านละ 230 เมตร ใช้ก้อนหินในการก่อสร้าง 2500000 ก้อน หนักก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อนหนักถึง 16 ตัน รวมน้ำหนักกว่า 6,000,000 ตัน มีการเตรียมการสร้างถึง 10 ปี ใช้กรรมกรก่อสร้างประมาณ 100000 คน มาใช้แรงงานถึง 20 ปี เพื่อสร้างพีระมิดดังกล่าวให้สำเร็จจนลุล่วง ปัจจุบันส่วนยอดของพีระมิดทรุดโทรมลงจนมีความสูงเพีย ง 137 เมตร(รายละเอียดเพิ่มเติม)

2) โบสถ์แห่งเดียนา


สถานที่ตั้ง เมืองเอฟฟิอุส ประเทศกรีก ปัจจุบัน ยังมีซากหลงเหลืออยู่บ้าง

โบสถ์แห่งเดียนา สร้างขึ้นโดยชาวเอฟฟิเซียนด้วยฝีมือของบรรดาสถาปัตย์ กรีกผู้มีชื่อเสียง ซึ่งสร้างได้งามวิจิตรพิสดารมากทั้งนี้เพื่อเป็นที่ร ะลึกถึง อาร์เทมิส ผู้มาจากสวรรค์ผู้ที่ได้ช่วยกู้ความหายนะของเมืองไว้ ได้ถึง 2 ครั้ง เมื่อศตวรรษที่ 5 ก่อนคริศตกาล ยาวถึง 425 ฟุต กว้าง 225 ฟุต มีเสาหินอ่อนรวม 127 ต้น แต่ละต้นสูง 60 ฟุต หลังคาใช้กระเบื้องหินอ่อน ส่วนประตูประดับประดาไปด้วยงาช้างและทองคำ

3) สุสานของกษัตริย์มอโซลุส


สถานที่ตั้ง เมืองฮาลคาร์นาซัส ประเทศตุรกี ปัจจุบัน ยังมีซากหลงเหลือ

สุสานของมอโซลุสหรือสถานที่เก็บพระศพของพระเจ้ามอโซล ุสกษัตริย์แห่งเอเซียไมเนอร์ ซึ่งพระนางเตมีเซีย บรมราชินีได้ขึ้นครองราชย์ ต่อจากพระราชสวามีและได้เป็นผู้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็ นที่ฝังพระศพของพระราชสวามี ที่เมืองซาเรีย (เมืองฮาลคาร์นาซัสในปัจจุบัน)โดยใช้ช่างออกแบบ ฟิดิอัส ซาติรัส บรายอาซีส สโคปาส ทิโมทิอัส ที่มีชื่อเสียง ฝีมือเยี่ยมในกรีก ทั้งหมดมาช่วยกันสร้างด้วยหินอ่อน แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จพระนางก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน สร้างเมื่อประมาณ 352 ปีก่อนคริสตกาล มีความสูง 140 ฟุต วัดฐานโดยรอบยาว 111 ฟุต แบ่งเป็น 5 ชั้น บนยอดมีรูปปั้นมอโซลุส ประทับบนราชรถเทียมด้วยม้า

4) สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน


สถานที่ตั้ง กลางทะเลทราย เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก ปัจจุบัน ทั้งสวนและผนังดังกล่าวทรุดโทรมจนแทบไม่เหลือซากแล้ว

สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลนนี้ กินเนื้อที่ 4 เอเคอร์สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 63 โดยพระเจ้าเนบูชาดเนสซาร์ที่ 2 กษัตริย์แห่งเปอร์เซียหลังจากการพิชิตปราบปรามเมืองใ กล้เคียงมาอยู่ในอำนาจ แล้วก็กวาดต้อนประชาชนพลเมือง มาใช้เป็นทาสให้สร้างสวนลอยนี้ขึ้นบนทะเลทราย มีกำแพงดินกั้นล้อมรอบและประกอบด้วยลานกว้างๆเป็นหลา ยๆส่วนบนพื้นที่โค้ง มีความสูงมากและปลูกต้นไม้ ดอกไม้สีสันสดใสสร้างสระน้ำสีต่างๆทำน้ำตก น้ำพุ โดยทำท่อเอาน้ำมาจากลุ่มแม่น้ำยูเฟตีส สวนลอยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประพาส หย่อนพระทัยของพระมเหสีเซมีรามีส

5) เทวรูปซีอูส


สถานที่ตั้ง เมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีก ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก

เทวรูปซีอูส ตั้งอยู่ในวิหารโอลิมเปีย ประเทศกรีก เป็นเทวรูปของ ซีอูส ลักษณะประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง ซึ่งแกะสลักโดยช่างที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมีชื่อว่ า ฟีดีอัส ประมาณศตวรรษที่ 5 โดยกล่าวกันว่า ตัวเทพซีอูส แกะสลักด้วยงาช้าง สูง 40 ฟุต พระหัตถ์ซ้ายทรงคธา พระหัตถ์ขวารองรับรูปปั้นแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับกายทำด้วยทองคำล้วนๆ นับว่าเป็นเทวรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดและถือเป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชา ของชาวกรีก

6) เทวรูปโคโลสซูส


สถานที่ตั้ง เกาะโรดส์ ประเทศกรีก ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก

เป็นรูปสำริดขนาดใหญ่ของพระอาทิตย์หรือรูปหล่อของพระ เจ้าอปอลโล หล่อด้วยทองบรอนซ์ ในท่ายืน สูง 100 ฟุตโดยเฉพาะฐานที่รองรับรูปหล่อนั้นสูงกว่าตึก 5 ชั้น พระหัตถ์ขวาถือดวงประทีป ตั้งอยู่หน้าเมืองโรดส์ประเทศกรีก สร้างโดยกษัตริย์แชรัสแห่งลินดัส เชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นที่คอยกั้นอ่าวของเกาะแห่งนี้ ของกรีกในทะเลเอเจียน สร้างเสร็จหลังจากใช้เวลา 12 ปี แล้วเสร็จเมื่อประมาณ 280 ปีก่อนคริสตกาล และต้องพังทลายลง เพราะแผ่นดินไหว ถูกทอดทิ้งเป็นเวลา 900 ปี จึงถูกขายเป็นเศษเหล็ก ให้แก่ชาวเมืองซาราเซน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสงคราม

7) ประภาคารฟาห์โรห์


สถานที่ตั้ง เกาะฟาห์โรห์ เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ปัจจุบัน ไม่เหลือซาก

ประภาคารฟาห์โรห์ ตั้งอยู่บนเกาะฟาห์โรห์ในอ่าวหน้าเมืองอเลกซานเดรีย สร้างเมื่อประมาณ 280 ปี ก่อนคริสตกา โดยพระเจ้าปโตเลมีที่ 2 กษัตริย์แห่งประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สังเกตแก่ชาวเรือที่จะเข้าเมือ งท่าอียิปต์ สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายวิจิตรงดงาม สูงประมาณ 400 ฟุต บนยอดมีตะเกียงจุดไฟแก๊สขนาดใหญ่ ในสมัยนั้นอียิปต์เป็นประเทศที่เจริญในวิทยาการต่างๆ ใครๆก็ชอบที่จะติดต่อทำการค้าด้วย เหตุนี้จึงต้องสร้างประภาคารขึ้นจุดตะเกียงแก๊สตลอดท ั้งคืน เพื่อให้ผู้ที่ไม่เคยเดินเรือใช้เป็นที่สังเกตจะได้ไ ม่หลง นอกจากนั้นแล้ว ยังใช้เป็นหอคอยไว้ดูข้าศึกที่จะมารุกรานอีกด้วย หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ประภาคารนี้ก็พังทลายลงมาตั้งแต่ ค.ศ. 955 และถูกทำลายโดยสมบูรณ์ในช่วงศตวรรษที่ 14

ที่มาจากเว็บ www.living-freedom4u.com

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง (อายุตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง (อายุตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ถูกจัดขึ้นและเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายในเวลาต่อมา หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณแทบทั้งหมด ยกเว้นพีระมิดล้วนแต่เสื่อมโทรมเสื่อมสลายไปแล้วทั้ง สิ้น คงเหลือแต่เพียงร่องรอยหลักฐานหรือแบบจำลองให้คนรุ่น หลังได้ศึกษาเท่านั้น อันได้แก่

1) หอเอนเมืองปิซา


สถานที่ตั้ง ประเทศอิตาลี ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

หอเอนแห่งเมืองปิซา สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนรองรับ ได้ลงมือสร้างเมื่อ ค.ศ. 1174 ไปเสร็จในปี ค.ศ. 1350 ใช้เวานานถึง 176 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก พอสร้างเสร็จฐานก็ทรุดลงไปข้างหนึ่ง ทำให้เอียงออกไปจากเส้นดิ่ง 4 เมตร แต่ที่ไม่ล้มลงมา เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ ได้ และหอเอนเมืองปิซานี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จ

2) โคลอสเซียมแห่งโรม


สถานที่ตั้ง ประเทศอิตาลี ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

โคลอสเซียมแห่งโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตที่สุดในสมัยโบราณ ตั้งอยู่ที่กรุงโรมประเทศอิตาลีพระเจ้าเวชเปเซียนทรง โปรดให้สร้างขึ้นในราว ค.ศ. 72 - ค.ศ. 80 สถานที่แห่งนี้พระเจ้าเวชเปเซียนเสด็จมาประทับทอดพระ เนตรการแสดงกีฬาต่างๆในสมัยโบราณ ตัวสนามสร้างเป็นวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้นจุคนดูประมาณ 80,000 คน มีห้องใต้ดินสำหรับขังนักโทษ และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่แสดงกีฬา ประลองฝีมือ ในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง และบรรดาเหล่านักโทษ ให้ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโ รมันนิยมและยกย่องกันมาก ปีๆหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อย คน

3) สุสานแห่งอเลกซานเดรีย


สถานที่ตั้ง เมืองอเลกซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ที่ฝังศพแห่งอเลกซานเดรีย อยู่ที่เมืองอเลกซานเดรีย ประเทศอียิปต์ป็นอุโมงค์ใต้ดิน ใช้สำหรับเก็บทรัพย์สมบัติโบราณ เรียกว่า อุโมงค์คาตาคอมส์ เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ๆและขุดลึกลงไปใต ้ดินหลายชั้น ทางเดินกว้าง 3-4 ฟุต ตามช่องริมผนังอุโมงค์ขุดเป็นช่องลึกๆเข้าไป เพื่อใช้เป็นที่บรรจุพระศพของพวกศาสนาคริสต์

4) สุเหร่าเซ็นต์โซเฟีย


สถานที่ตั้ง เมืองคอนสแตนติโนเปิลหรือ เมืองฮิสตันบูล ประเทศตุรกี ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย เป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ตั้งอยู่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล(เมืองฮิสตันบูล ประเทศตุรกีในปัจจุบัน) สร้างเมื่อ ค.ศ. 532 พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเพื่อเป็นโบ สถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายเผาเสียวอดวายจ นถึงสมัยพระเจ้าจัสตินเนียนจึงได้สร้างขึ้นใหม่ เมื่อประมาณปี ค.ศ 1453 ในเนื้อที่ 700 ตารางเมตร ประกอบด้วยเสางามสลักอย่างวิจิตร 108 ต้น (ชั้นบน 68 ต้น ชั้นล่าง 40 ต้น) มียอดเป็นโดมคล้ายซาลาเปา มีหอมินาเรสท์เป็นยอดแหลมๆมากมายและประดับประดาด้วยส ิ่งของมีค่าอย่างเหลือล้นจนถึงสมัยพระเจ้าโมฮัมหมัดท ี่ 2 ของตุรกีจึงเปลี่ยนแปลงโบสถ์ให้เป็นสุเหร่าทางศาสนาอ ิสลาม ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์

5) กำแพงเมืองจีน


สถานที่ตั้ง ประเทศจีน ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

กำแพงเมืองจีนหรือกำแพงยักษ์ เป็นกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างประเทศจีนกับธิเบตเป็นกำแ พงที่ยาวใหญ่มหึมา สร้างเมื่อ พ.ศ. 215 สูงจากพื้นดิน 20-30 ฟุต กว้าง 15-20 ฟุต ยาวประมาณ 1400 ไมล์ บนกำแพงทุก ๆ ระยะ 200 เมตร จะมีหอหรือป้อมสำหรับตรวจเหตุการณ์ สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตร ถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวนเพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุไว้ประจำทุกห อรวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ เริ่มสร้างระหว่างปี พ.ศ. 300-329 (243-252 ปีก่อนคริสตกาล) ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปีเสียชีวิตมนุษย์นับพันเป็นสิ่งก่อสร้างชนิดเดียวใน โลกที่สามารถมองเห็นเมื่อมองจากดวงจันทร์

6) เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง


สถานที่ตั้ง เมืองนานกิง ประเทศจีน ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิงเป็นเจดีย์รูปแปดเห ลี่ยม สูง 9 ชั้น สูง 60 เมตร มีระฆัง 152 ลูกและโคมไฟอีกหลายร้อยผูกแขวนไว้ตามชายคาเวลาลมพัดม ีเสียงดังไพเราะมาก จักรพรรดิ์หยุงโล้ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เพ ื่อระลึกคุณมารดา เมื่อระหว่างปี ค.ศ. 1413-1442 กล่าวกันว่าบนยอดเจดีย์มีลูกบอลทำด้วยทองติดอยู่มีเห ล็กวงแหวนล้อมรอบถึง 9 วง มีไข่มุกขนาดใหญ่ 5 เม็ดอยู่ที่ปลายเป็นเครื่องรางบอกความมีโชคชัยของกรุ งนานกิงแต่เป็นที่น่าเสียดายที่บางส่วนถูกพวกกบฎไต้เ ผ็ง ทำลายเมื่อปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) เสียหายมากถึงกระนั้นก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ทำ ด้วยกระเบื้องเคลือบวิจิตรงดงามมีค่าสูงยิ่ง

7) กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์


สถานที่ตั้ง เมืองซัลลิสเบอรี่มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนออกไปปร ะมาณ 90 ไมล์มีแนวหินเรียงราย ราวๆ 3 กิโลเมตรและมีกลุ่มหินใหญ่ประมาณ 30 ก้อนตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งนาเป็นรูปวงกลม กว้าง 30 เมตรโดยไม่มีร่องรอยของความเป็นมาและไม่ปรากฏว่ามีกา รเคลื่อนย้ายสิ่งปรักหักพังในการก่อสร้างคาดว่าสร้าง ขึ้นตั้งแต่ก่อน ค.ศ. ประมาณ 2,000 ปี ซึ่งหิน 16 ใน 30 ก้อนที่ตั้งอยู่รอบนอกเฉลี่ยแล้วสูง 4 เมตร หนัก 26 ตัน

ที่มาจากเว็บ www.living-freedom4u.com

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน (สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 17 - ศตวรรษที่ 20)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน (สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 17 - ศตวรรษที่ 20)

1) ปราสาทหินนครวัตนครธม


สถานที่ตั้ง ประเทศกัมพูชา ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

นครวัตเป็นสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์ยิ่งสร้างขึ้นเมื่ อประมาณ ค.ศ. 1643 กษัตริย์เขมรชื่อชัยวรมันที่ 2 ทรงสร้างขึ้นปราสาทนี้กว้างด้านละ 5 เส้น รอบ ๆ ปราสาทมีคู สร้างเป็น 3 ตอน ทางเข้าปราสาทด้านหน้าปูด้วยหินขนาดใหญ่มีราวกำแพงสล ักเป็นพญานาคซุ้มประตูสร้างเป็นพระปรางค์ 3 ยอดผ่านประตูเข้าไปข้างในถึงตอนกลางเป็นปราสาทก่อเป็ นพระปรางค์มี 5 ยอดมีภาพแกะสลักลงในเนื้อหินอย่างวิจิตรทุกส่วนสร้าง ด้วยศิลาแลง
นครธมเป็นนครโบราณที่ประกอบไปด้วยปราสาทหินเป็นรูปสี ่เหลียมจตุรัสมีคูเมืองกำแพง ป้อมปราการอันสวยงาม สร้างด้วยศิลาและหิน เนื้อที่ประมาณ 5500 ไร่

2) ทัชมาฮาล


สถานที่ตั้ง ประเทศอินเดีย ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ทัชมาฮาล เป็นสุสานฝังศพตั้งอยู่ที่ตอนโค้งของแม่น้ำยมนาฝั่งข วา เมืองอัคระ ประเทศอินเดีย ชาห์ชะฮานสร้างเป็นศรีสง่าแก่บริเวณพระราชวัง สำหรับเก็บศพมุมทัชมาฮาลพระมเหสี สร้างระหว่างปี ค.ศ. 1630-1648 ด้วยหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอยสีฟ้า หินสีฟ้า โมรา หินทองแดงหินลาย พลอยสีเขียว นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับที่ได้มาจากนานาประเทศที ่เป็นมิตรซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้ างขึ้นโดยถูกสัดส่วนและวิจิตรงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 39 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร มีผู้ร่วมสร้างเป็นผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ภายหลังที่สร้างทัชมาฮาลชาห์ชะฮานใฝ่ฝันที่จะสร้างที ่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสี ดำล้วนๆแต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปีก็สิ้นพระชนม์ ประมาณปี พ.ศ.2209(ค.ศ.1666) แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้าง ใด ๆ ที่สวยกว่าได้ (รายละเอียดเพิ่มเติม)

3) พระราชวังแวร์ซายส์


สถานที่ตั้ง ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

เป็นสถานโบราณอันมีคุณค่าและสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ งในโลก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โปรดให้สร้างด้วยหินอ่อน เมื่อปี ค.ศ. 1661(พ.ศ. 2204) เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 500 ล้านฟรังค์ สามารถจุคนได้ 10000 คน กินเวลา 30 ปี ใช้คนงาน 30,000 คน ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็นห้องๆมีห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องโถงสำหรับออกว่าราชการฯลฯ แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมายทั้งวัตถุและภาพ ศิลปะ ห้องที่มีชื่อที่สุดคือห้องกระจกที่เคยใช้ลงนามเซ็นส ัญญาสงบศึกในคราวมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายแพ้ต่อเยอรมันจึงต้องประกาศให้ปารีส เป็นเมืองปลอดทหารไม่มีการต่อสู้ใดๆทั้งสิ้นจึงไม่มี การเสียหาย ทุกๆปีจะมีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 900,000 คน

4) เรือควีนแมรี่


สถานที่ตั้ง เมืองลองบีช ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

เรือเดินสมุทร "ควีนแมรี่"ของอังกฤษลำนี้สร้างบนฝั่งแม่น้ำไคลด์ในประเทศสกอตแล นด์ หนักทั้งสิ้น 80,773 ตัน มีความยาว 300 เมตร สูง 54 เมตร เครื่องยนต์ขับเคลื่อนมีกำลังทั้งหมด 200,000 แรงม้า อัตราความเร็วชั่วโมงละ 30 นอต มีหม้อน้ำขนาดใหญ่ต้มน้ำ 400 ตันให้เดือดอยู่ทุกๆชั่วโมง บรรจุคนได้ประมาณ 2,000 คน บนดาดฟ้ามีที่ว่างทำสนามเล่นกีฬาได้ถึง 3 เอเคอร์ ภายในเรือมีร้านขายอาหาร สนามเด็กเล่น สำนักพิมพ์ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเคยทำสถิติความเร็วโดยไ ด้เดินทางจากเมืองท่าลิเวอร์พูล อังกฤษถึงเมืองท่านิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาในเวลา 9 วัน

5) สะพานโกลเดนเกต


สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิศโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน สามารถเยี่ยมชมได้

สะพานโกลเดนเกตเป็นสะพานที่มีช่วงยาวที่สุดในโลกทอดข ้ามปากอ่าวทางตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างใน ค.ศ. 1937 ช่องกลางระหว่างตอม่อยาว 4200 ฟุตริมทั้งสองข้าง ยาวข้างละ 1125 ฟุต กว้าง 90 ฟุต สร้างเป็นแบบโครงแขวน แขวนอยู่บนหอคอยสูง 215 เมตรใช้เหล็กสายโยงขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์และยังมีเส้นลวดเล็กยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีทางรถยนต์ 6 ทาง ทางรถบรรทุก 3 ทาง ทางรถไฟ 2 ทาง สูงกว่าระดับน้ำประมาณ 66 เมตร

6) ตึกเอมไพรสเตรท


สถานที่ตั้ง บนเกาะแมนฮัดตัน นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ตึกเอมไพรสเตรทเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ประเทศอเมริกา มีทั้งหมด 102 ชั้น สูงจากพื้นดิน 1248 ฟุต มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2158000 ตารางฟุต จุคนได้25000 คน บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี คิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480

7) ทำนบยักษ์ฮูเวอร์


สถานที่ตั้ง หุบเขาแบลกแคนยอน ระหว่าง รัฐเนวาดา กับ รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

ทำนบโบลเดอร์หรือเขื่อนยักษ์ฮูเวอร์ เป็นทำนบที่สูงที่สุดในโลกกักเก็บน้ำในแม่น้ำโคโรลาโ ดไว้ใช้ตลอดปีสำเร็จมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ตัวทำนบสูง 218 เมตร ฐานข้างล่างกว้าง 198 เมตร สันทำนบข้างบนกว้าง 13.5 เมตร ยาว 385 เมตร ใช้คอนกรีตเฉพาะสร้างตัวทำนบ 3,250,000 ลูกบาศก์หลาและส่วนอื่นๆอีก 4,400,000 ลูกบาศก์หลา มีเครื่องทำไฟฟ้าจากน้ำตกรวม 17 เครื่อง ให้กำลังไฟฟ้า 1,835,000 กิโลวัตต์ การสร้างทำนบมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอุทกภัย กักน้ำไว้ใช้ในการกสิกรรม สงวนพันธ์ปลา สร้างกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ

ที่มาจากเว็บ www.living-freeedom4u.com

10 มิถุนายน 2552

จิตรกรรมม่านเมฆ(The Secret of the Rain Clouds)




อุทิศแด่นักเดินทางทุกนาม
ขอให้ไฟฝันอย่าพลันมอดไหม้

แหงนมองฟ้าความเหงารุมเร้าหนัก
เมฆทายทักถามมาว่าอยู่ไหน
อยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยวร้างกลางแห่งใด
เพียงหนังสือกอดไว้ในอกเรา

มองเมฆลอยเลื่อนไปไร้ทางทิศ
ราวชีวิตรอฟื้นตื่นจากเหงา
จิตรกรรมฟากฟ้ามาบรรเทา
ท่ามร่มเงาแมกไม้สายวารี

ปุยสีนวลร่วนลมพรมสวรรค์
ม่านเมฆกั้นเนรมิตทิศวิถี
จากโพ้นฟากฝั่งฟ้ามหานที
เดินทางไกลหลายลี้ทุกวี่วัน

กลางไกลนั้นเห็นภาพฉากสีหม่น
คือเมฆฝนหนักหน่วงช่วงวสันต์
ล้านหยาดหยดโปรยรับซับน้ำทัน
โปรยละอองแบ่งปันชุ่มฉ่ำมี

ไร้ล่องลอยเส้นทางฟ้าว่างเปล่า
มีเพียงเงาทอดผ่านเมื่อวานนี้
อยู่สถิตรวงเรียวเขียวขจี
เพียงพอที่หัวเราะเพาะชีวิต

ฉันเห็นเมฆเป็นบ้านมานานแล้ว
ซุ้มดอกแก้วขาวนวลหวนตามติด
บางเวลางามเหงาเงาเพียงนิด
ให้ใกล้ชิดไม่ไกลในทุกยาม

อ้อมแขนเมฆโอบอุ้มนุ่มนวลนัก
มอบความรักให้ก่อนไม่ย้อนถาม
เมื่อลมพรูเคลื่อนไปใจเคลื่อนตาม
เพียงชั่วยามสลายลับไม่กลับคืน

ฉันเห็นเมฆเป็นเมืองเรืองโอฬาร
เงาเก่าบ้านทอดนิดไม่ติดผืน
เดิมข้ามฝั่งขอบรั้วทั่ววันคืน
เพียงลมครืนยืนหลงอยู่ตรงนี้

ฉากแสดงสะท้อนก้อนเมฆน้อย
หลับตาคล้อยบริสุทธิ์พุทธวิถี
ของถนนสายเก่าเราเคยมี
เมื่อนานปีเดินผ่านไม่นานนัก

เถิดเมฆหม่นเป็นสะพานให้ผ่านพ้น
จากป่าคนเมืองใหญ่ใจจมปลัก
ไปทอดกายโหยอ่อนได้ผ่อนพัก
ทอดวิญญาณสานรักกลางท้องนา

เมฆฝนหลั่งมาแล้วแนวทิศนั่น
เงาบ้านฉันเลือนไปใจค้นหา
เห็นหยาดฝนโปรยปรายคล้ายน้ำตา
หลั่งลงมาแทนท้นล้นบ้านแล้ว

หวังวันหนึ่งชีวิตจะพลิกฟื้น
ได้ลุกยืนเกาะรั้วทั่วทิวแถว
แสงส่องฟ้าสว่างสุขทั่วทุกแนว
กลับถึงแล้วรั้วบ้าน..ข้ามเมฆมา

--------------------------------

ลมพายุในฤดูมรสุมกราดเกรี้ยว
พัดพาหมู่เฆมมาโรยคลุมท้องทุ่งและป่าฝน
ลมโอบอุ้มเมฆฝนหนักอึ้ง
มาตกต้องลงในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
เป็นม่านเมฆสลับซับซ้อนอยู่ในม่านฟ้าไกลโพ้น

แสนประหวัดถึงจิตกรรมม่านเมฆ
ในยามได้เยือน *เขาสามร้อยยอด**
ยามอาทิตย์อัสดงกลางบึงบัวและสายน้ำนิรันดร์
ยามนั้นที่ได้พบกับสัจธรรมอันเป็นอสังขตธรรม
เป็นธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง เป็นความงามสามัญ

จิตรกรรมธรรมชาตินำแรงบันดาลใจกลับมาสู่
บึงบัวบานตราบจนอาทิตย์อัสดง
แต่กระนั้นลมพายุและเมฆยังลอยเคว้งไปไม่สิ้น
เปรียบเหมือนการเดินทางของชีวิตนิดน้อยนี้
ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ใดและแหล่งใด
ตราบใดที่ธรรมชาติยังคงเดินทางและไม่สิ้นสุด

หวังไว้ว่า ..ตราบนั้น
การจริญงอกงามทางจิตวิญญาณยังไม่สิ้นสุด
ฉันใดก็ฉันนั้น..........

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด ประจวบคีรีขันธ์