22 ตุลาคม 2553

10 กุนซือที่รวยที่สุด

10 กุนซือที่รวยที่สุด
วันที่ 10/10/2010 3:16:51 PM

Advertisement

© AP Images
มาถึงบทสรุปไตรภาคของ Football Rich List ประจำฤดูกาล 2010-11 จากแม็กกาซีนลูกหนัง 4-4-2 กันแล้ว โดยหลังจากที่ได้นำเสนอเจ้าของและผู้ถือหุ้น รวมถึงนักเตะที่รวยที่สุดในเกาะอังกฤษกันไปแล้ว เราก็มาปิดท้ายกันที่ 10 กุนซือที่ล่ำซำที่สุด


1. ฟาบิโอ คาเปลโล่ (ทีมชาติอังกฤษ : 36 ล้านปอนด์ : 1,800 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 30 ล้านปอนด์)


แม้ว่าจะทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้โค้ชชาวอิตาเลียน สูญเสียรายได้ 5 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 150 ล้านบาท) ในฐานะโค้ชทีมสิงโตคำรามแต่อย่างใด โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่งนี้เมื่อเดือนธ.ค. 2007 คาเปลโล่ เคยพาสโมสรต่างๆ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว 7 ครั้งจาก 16 ฤดูกาลนับตั้งแต่เริ่มอาชีพกุนซือ

2. รอย คีน (อิปสวิช : 28 ล้านปอนด์ : 1,400 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 27 ล้านปอนด์)

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่คีโน่ โผล่มาอยู่อันดับ 2 ก็เพราะทรัพย์สมบัติเก่าจากที่เคยค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาเคยได้รับสัปดาห์ละ 90,000 ปอนด์ในฐานะนักเตะ และยังได้ค่าเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรองเท้าสตั๊ดเดียดอร่าอีก 500,000 ปอนด์ นอกจากนั้น หนังสืออัตชีวประวัติของเขายังเป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดด้วย (สำนักพิมพ์จ่ายเงินให้ล่วงหน้า 1 ล้านปอนด์)

หลังจากแขวนสตั๊ดที่เซลติกแล้ว อดีตกัปตันทีม "ปีศาจแดง" ก็หันไปจับงานโค้ชกับซันเดอร์แลนด์ ที่ซึ่งเขาเซ็นสัญญามูลค่า 6 ล้านปอนด์ต่อ 3 ปี และหลังจากที่ลาออกจากทีม "แมวดำ" ได้ 4 เดือน คีน ก็ได้เป็นกุนซือของอิปสวิช ซึ่งแม็กกาซีน 4-4-2 คาดว่าเขาได้ค่าเหนื่อยเท่ากับที่ได้จากซันเดอร์แลนด์

3. เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 26 ล้านปอนด์ : 1,300 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 22 ล้านปอนด์)


เฟอร์กี้ วัย 68 ปี เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และนั่นก็ทำให้สโมสรตอบแทนเขาด้วยสัญญามูลค่า 3.6 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 180 ล้านบาท) นอกจากนั้น โค้ชเลือดสกอตต์ ยังมีบริษัทเป็นของตัวเองที่ชื่อ เอเอฟซี สปอร์ตส โปรโมชั่นส์, เงินอีก 1 ล้านปอนด์จากการออกหนังสืออัตชีวประวัติ, ม้าแข่งราคาแพง และยังขาย toptable.com ซึ่งเว็ปไซต์จองโต๊ะร้านอาหารชื่อดังได้กำไรอีกเกือบ 4 ล้านปอนด์ (ราว 120 ล้านบาท) เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมาด้วย

4. คาร์โล อันเชล็อตติ (เชลซี : 21 ล้านปอนด์ : 1,050 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 17 ล้านปอนด์)

อีกหนึ่งโค้ชชาวอิตาเลียนที่เข้ามาโกยเงินในอังกฤษ อันเชล็อตติ อำลามิลานเพื่อมาคุมเชลซีเมื่อเดือนมิ.ย. 2009 และเซ็นสัญญาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นเวลา 3 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อย 6.5 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 325 ล้านบาท) พร้อมกับโบนัส 1 ล้านปอนด์สำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีก และอีก 1 ล้านปอนด์รออยู่หากว่าพาสิงห์บลูส์คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

กุนซือวัย 51 ปี ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกในเมืองผู้ดีหลังจากที่พาเชลซีคว้าดับเบิลแชมป์ ได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา และอาจจะทำอันดับได้ดีกว่านี้ในปีหน้าหากว่าพาสโมสรคว้าเจ้ายุโรปได้สำเร็จ

5. อาร์แซน เวนเกอร์ (อาร์เซน่อล : 17 ล้านปอนด์ : 850 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

สัญญาฉบับปัจจุบันของโค้ชชาวฝรั่งเศสมีมูลค่า 4 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 200 ล้านบาท) หลังจากที่เริ่มต้นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยค่าเหนื่อยราว 2 ล้านปอนด์ต่อปี แต่หลังจากที่ช่วยพาอาร์เซน่อลประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกและบอล ถ้วยในประเทศ รวมถึงการได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างต่อเนื่อง บอร์ดบริหารของเดอะ กันเนอร์ส ก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะรั้ง เวนเกอร์ ในวัย 61 ปี เอาไว้กับสโมสรให้ได้นานที่สุด

6. สเวน-โกรัน อีริคส์สัน (เลสเตอร์ ซิตี้ : 15 ล้านปอนด์ : 750 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีริคส์สัน เป็นหนึ่งในกุนซือจอมพเนจรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพราะหลังจากจะเคยคุมทีมชาติอังกฤษ ซึ่งได้ค่าเหนื่อย 4 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 120 ล้านบาท) มาแล้ว โค้ชชาวสวีดิชวัย 62 ปี ยังทำเงินมากมายจากการเซ็นสัญญาคุมทีม นับตั้งแต่ โกเตนเบิร์ก, เบนฟิก้า, ซามพ์โดเรีย, ลาซิโอ, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมชาติเม็กซิโก, น็อตต์ เคาน์ตี้, ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ และ เลสเตอร์ เป็นทีมล่าสุด

7. โรแบร์โต้ มันชินี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 15 ล้านปอนด์ : 750 ล้านบาท)

(ปีที่แล้วไม่ติดอันดับ)

แม้ว่าจะพาอินเตอร์ คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มา 3 ปีซ้อน แต่เจ้าตัวก็ถูกเด้งจากเก้าอี้เมื่อจบฤดูกาล 2008 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้ค่าเหนื่อยราว 5.5 ล้านปอนด์ต่อปี จากนั้น มันโช่ วัย 46 ปี ก็ได้เซ็นสัญญาคุมทีม "เรือใบสีฟ้า" แทน และนั่นทำเงินให้เขาถึง 6 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 300 ล้านบาท) โดยก่อนที่จะมาเป็นโค้ช มันชินี่ เคยเป็นนักเตะชื่อดังของซามพ์โดเรีย, ลาซิโอและทีมชาติอิตาลี มาก่อนด้วย

8. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (ทีมสำรองแมนฯ ยูไนเต็ด : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ปีที่แล้วไม่ติดอันดับ)

อดีตกองหน้าตัวสำรองจอมอดทนของ "ปีศาจแดง" ได้ผันตัวเองมาเป็นโค้ชทีมสำรองให้กับสโมสรอย่างเต็มตัวเมื่อเดือนพ.ค. 2008 โดย โซลชาร์ เป็นที่จดจำของแฟนบอลจากการพังประตูชัยในช่วงท้ายเกมของรอบชิงชนะเลิศแช มเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1999 โดยในช่วงที่ยังรุ่งๆ (1993-1996) เขาได้รับค่าเหนื่อยราว 1.6 ล้านปอนด์ต่อปีโดยที่ยังไม่รวมรายรับจากสปอนเซอร์อื่นๆ และหลังจากที่แขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2007 เขาก็ได้บริจาคเงิน 2 ล้านปอนด์ (ราว 100 ล้านบาท) ที่ได้มาจากเกมเทสติโมเนียลแมตช์ของตัวเองให้กับการกุศลทั้งหมด

9. มาร์ค ฮิวจ์ (ฟูแล่ม : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

ชื่อนี้ไม่เคยห่างหายไปจากวงการลูกหนังเมืองผู้ดีได้นาน เพราะเมื่อไหร่ที่มีการคาดเดารายชื่อกุนซือคนใหม่ของสโมสรต่างๆ ชื่อของ ฮิวจ์ วัย 46 ปี ก็มักจะโผล่ขึ้นมามีเอี่ยวด้วยเสมอ และหลังจากที่แยกทางกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฮิวจ์ ก็ตัดสินใจเข้ามารับงานที่ฟูแล่ม แทนรอย ฮอดจ์สัน ที่ย้ายไปคุมลิเวอร์พูล

ฮิวจ์ สร้างชื่อจากการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะชีพจรลงเท้าค้าแข้งกับอีกหลายสโมสรทั้งในและนอกเกาะอังกฤษ ก่อนจะหันเหอาชีพมาเป็นโค้ช และแม้ว่าการคุมแต่ละทีมของเขาจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ ฮิวจ์ ก็ทำเงินได้มากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเหนื่อยปีละ 3 ล้านปอนด์จาก "เรือใบสีฟ้า" นอกจากนั้น เขายังมีบริษัทออกแบบและรับสร้างบ้าน รวมทั้ง โรงเรียนสอนฟุตบอลด้วย

10. แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ (ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 10 ล้านปอนด์)

เร็ดแน็ปป์ วัย 63 ปี เริ่มเข้าสู่อาชีพโค้ชตั้งแต่ปี 1976 และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกุนซือฝีมือดีของอังกฤษ และนั่นก็พิสูจน์ได้จากผลงานการคุมทั้งเวสต์แฮม, พอร์ทสมัธ รวมทั้งการช่วยให้ฉุดสเปอร์ส พ้นจากท้ายตารางในช่วงแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนต.ค. 2008 ก่อนที่จะพา "ไก่เดือยทอง" จบด้วยอันดับ 4 ในซีซั่นที่ผ่านมา และได้สิทธิ์ไปลุยเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในที่สุด

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 10/14/2010 9:29:18 AM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น