22 ตุลาคม 2553

10 อันดับนักเตะผู้ดีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล (ภาคสอง)

10 อันดับนักเตะผู้ดีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล (ภาคสอง)
วันที่ 8/30/2010 1:05:47 AM

Advertisement

© AP Images
ผ่านไปแล้ว 5 คน มาติดตามสุดยอดแข้งแดนผู้ดีที่มีค่าตัวสูงสุดตลอดกาลอีก 5 คนที่เหลือกันต่อไปเลย


5) ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์
ตำแหน่ง : ปีกขวา/ซ้าย
จาก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ไป : เชลซี
ค่าตัว : 21 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : กรกฎาคม 2005
อายุตอนที่ย้ายทีม : 22
ลงเล่น : 124
ยิงได้ : 10 ประตู
จาก การที่ แมนฯ ซิตี้ สามารถดึงตัว ไรท์-ฟิลลิปส์ กลับมาจาก เชลซี เพียงแค่ราคา 9 ล้านปอนด์ แสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า เขาสอบตกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าเขาจะได้ลงสนามให้กับ "สิงห์บลูส์" ถึง 124 นัด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเสียมากกว่า และตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ค้าแข้งอยู่ในลอนดอน เราก็มักจะพบเขาที่ม้านั่งข้างสนามเสียเป็นส่วนใหญ่
ระดับความสำเร็จ : 2 ดาว


4) โจลีออน เลสค็อตต์
ตำแหน่ง : เซนเตอร์ฮาล์ฟ/แบ็กซ้าย
จาก : เอฟเวอร์ตัน
ไป : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ค่าตัว : 22 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : สิงหาคม 2009
อายุตอนที่ย้ายทีม : 27 ปี
ลงเล่น : 30 นัด
ยิงได้ : 2 ประตู
หลัง จากที่ แมนฯ ซิตี้ ตกถังข้าวสารได้ ชีค มานซูร์ เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร "เรือใบ" ก็สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดนักเตะโดยการทุ่มเงินแบบไม่อั้น และ เลสค็อตต์ ก็เป็นหนึ่งในนักเตะคนแรกๆ ที่ ซิตี้ ทุ่มเงินแบบบ้าคลั่งซื้อตัวมาร่วมทีม

มาร์ค ฮิวจ์ส ดึงตัว เลสค็อตต์ มาร่วมถิ่น อีสต์แลนด์เมื่อปี 2009 และเมื่อปีที่ผ่านมาเขาก็มีโอกาสลงสนามไป 30 นัด โดยที่ไม่มีอะไรให้น่าประทับใจเลย ซึ่งค่าตัวที่ ซิตี้ ลงทุนไปตั้งแต่แรก หากคิดเป็นแบบจำนวนนัดแล้ว พวกเขาเสียค่าตัวให้กับ เลสค็อตต์ นัดละ 7.3 แสนบาทเลยทีเดียว
ระดับความสำเร็จ : 1 ดาว


3) เดวิด เบ็คแฮม
ตำแหน่ง : ปีกขวา/มิดฟิลด์ตัวกลาง
จาก : แมนฯ ยูไนเต็ด
ไป : เรอัล มาดริด
ค่าตัว : 25 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : กรกฎาคม 2003
อายุตอนที่ย้ายทีม : 27 ปี
ลงเล่น : 155 นัด
ยิงได้ : 20 ประตู
ประสบ ความสำเร็จมาเกือบแทบจะทุกรางวัลแล้วกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เมื่อ เรอัล มาดริด มาเคาะประตูติดต่อ บวกกับโดนรองเท้าสตั๊ดบินเข้าใส่ที่ปลายคิ้ว ก็ถึงเวลาที่หนุ่มเบ๊คส์จะต้องอำลาถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ ได้

เบ็คแฮม ได้รับประสบการณ์ทั้งดีและแย่ผสมผสานกันไปในถิ่นซานติอาโก้ เบนาเบว โดยเฉพาะในยุคของกุนซือ ฟาบิโอ คาเปลโล่ และแม้ว่าตลอดเวลาที่ค้าแข้งกับ "ราชันชุดขาว" เขาจะได้เพียงแค่แชมป์ลา ลีกา กับ ซูเปร์โกปา อย่างละครั้ง แต่เขาก็ถือเป็นนักเตะที่คุ้มค่ามากที่สุดคนหนึ่งในยุคกาลาคติกอส
ระดับความสำเร็จ : 4 ดาว


2) เวย์น รูนี่ย์
ตำแหน่ง : ศูนย์หน้า
จาก : เอฟเวอร์ตัน
ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 25.6 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : สิงหาคม 2004
อายุตอนที่ย้ายทีม : 18 ปี
ลงเล่น : 284 นัด
ยิงได้ : 131 ประตู
เวย์ น รูนี่ย์ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั่นอาจจะเพราะเขาได้เป็นตัวหลักของทีมตั้งแต่อายุยังน้อย มันไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเลยสำหรับจำนวน 131 ประตูที่เขาทำให้ทีมได้

ตั้งแต่ ย้ายมาร่วมทัพ ยูไนเต็ด "วัซซ่า" ค่อยๆพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในทุกๆปี และเมื่อฤดูกาลที่แล้วเขาก็สามารถระเบิดฟอร์มอันแท้จริงด้วยการกดไปถึง 34 ประตู จากการลงสนาม 44 นัด ซึ่งก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าการลงทุนของ เฟอร์กี้ ในตอนนั้นถือว่าได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียวในปัจจุบัน
ระดับความสำเร็จ : 5 ดาว


1) ริโอ เฟอร์ดินานด์
ตำแหน่ง : เซนเตอร์ฮาล์ฟ
จาก : ลีดส์ ยูไนเต็ด
ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 31.1 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : กรกฎาคม 2002
อายุตอนที่ย้ายทีม : 23 ปี
ลงเล่น : 331 นัด
ยิงได้ : 7 ประตู
นัก เตะผู้ซึ่งถูก ฟาบิโอ คาเปลโล่ เลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติแทนที่ จอห์น เทอร์รี่ ก่อนที่เขาจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บส่งผลให้ชวดไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

เฟอร์ดินานด์ เป็นนักเตะชาวอังกฤษที่มีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล เขาประสบความสำเร็จคว้ารางวัลร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ดมากมากมาย ประกอบไปด้วย พรัเมียร์ลีก 4 ครั้ง, ลีก คัพ 2 ครั้ง และอีกหนึ่งครั้งกับถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ระดับความสำเร็จ : 5 ดาว

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 8/30/2010 1:07:19 AM

10 อันดับนักเตะผู้ดีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล (ภาค1)

10 อันดับนักเตะผู้ดีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล (ภาค1)
วันที่ 8/29/2010 7:09:06 PM



© AP Images
ซัมเมอร์นี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะคว้าตัว เจมส์ มิลเนอร์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 18 ล้านปอนด์ แต่อย่างไรก็ดี เขายังไม่ใช่นักเตะเลือดผู้ดีที่มีค่าตัวแพงที่สุด


ในทำเนียบ 10 อันดับนักเตะชาวอังกฤษที่มีค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล มีรายนามแข้งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ริโอ เฟอร์ดินานด์ เวย์น รูนีย์ ฯลฯ

แต่น่าเสียดาย อลัน เชียร์เรอร์ ตำนานดาวยิงทีมสิงโตคำรามที่ย้ายจาก แบล็คเบิร์น ไป นิวคาสเซิ่ล เมื่อปี 1996 ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ กลับไม่มีชื่อ เพราะโดนรุ่นน้องเบียดตกชาร์ทไปอย่างหวุดหวิด

ทั้ง 10 คนจะมีใครบ้าง ติดตามได้ดังต่อไปนี้

10) โอเว่น ฮาร์กรีฟส์
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ตัวกลาง
จาก : บาเยิร์น มิวนิค
ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 17 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : พฤษภาคม 2007
อายุตอนที่ย้ายทีม : 26 ปี
ลงเล่น : 38 นัด
ยิงได้ : 2 ประตู

ถ้าจะกล่าวถึงนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน คงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธชื่อของ โอเว่น ฮากรีฟส์ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่มิดฟิลด์รายนี้ค้าแข้งอยู่ในถิ่นโอล์ด แทร็ฟฟอร์ด ต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บแบบไม่หยุดหย่อน ส่งผลให้อนาคตของแข้งวัย 26 ปี รายนี้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เขายังคงรอที่จะกลับมาเอาชนะใจ เฟอร์กี้ อีกครั้ง ถ้าสามารถสลัดอาการบาดเจ็บออกไปได้
ระดับความสำเร็จ : 2 ดาว

9) เกล็น จอห์นสัน
ตำแหน่ง : แบ็กขวา
จาก : พอร์ทสมัธ
ไป : ลิเวอร์พูล
ค่าตัว : 18 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : มิถุนายน 2009
อายุตอนที่ย้ายทีม : 24 ปี
ลงเล่น : 34 นัด
ยิงได้ : 3 ประตู
หลัง จากล้มเหลวกับ เชลซี แต่จอห์นสัน สามารถกลับมาแจ้งเกิดได้อีกครั้งกับ พอร์ทสมัธ ก่อนที่ ราฟาเอล เบนิเตซ บอสใหญ่ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น จะดึงเขามาร่วมถิ่นแอนฟิลด์
แบ็กทีมชาติอังกฤษเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับ "หงส์แดง" ได้ไม่ดีเท่าที่ควร จุดบอดของเขาอยู่ที่เกมรับ แต่บางครั้งเขาก็ทำประโยชน์ให้ทีมได้มากเลยทีเดียวในเรื่องของเกมรุก ปัญหาก็คือฟอร์มของเขาไม่คงเส้นคงวาเท่าที่ควร และในฤดูกาลใหม่นี้ จอห์นสัน ก็หวังจะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาเพื่อพิสูจน์ว่าเขามีดีพอกับ ลิเวอร์พูล
ระดับความสำเร็จ : 3 ดาว

8) ริโอ เฟอร์ดินานด์
ตำแหน่ง : เซนเตอร์ฮาล์ฟ
จาก : เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 18 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : พฤศจิกายน 2000
อายุตอนที่ย้ายทีม : 22 ปี
ลงเล่น : 73 นัด
ยิงได้ : 3 ประตู
เป็น นักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่หลายคนคาดว่าจะมาเป็นตัวหลักให้ทีมชาติอังกฤษใน อนาคต ณ เวลานั้น และเป็น ลีดส์ ที่ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้า เฟอร์ดินานด์ มาจากอ้อมอก เวสต์แฮมที่เอลแลนด์ โร้ด เฟอร์ดินานด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นร่วมกับอีกหลายนักดาวรุ่งเตะอย่าง แฮร์รี่ คีเวลล์, ลี โบว์เยอร์, อลัน สมิธ, ไมเคิ่ล บริดเจส, เจสัน วิลค็อกซ์ ฯลฯ จนสามารถพา "ยูงทอง" ทะลุถึงรอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลยทีเดียว ก่อนที่ทีมจะแพแตกเนื่องจากภาวะการเงินที่ย่ำแย่
ระดับความสำเร็จ : 4 ดาว


7) เจมส์ มิลเนอร์
ตำแหน่ง : ปีกขวา/ซ้าย/มิดฟิลด์ตัวกลาง
จาก : แอสตัน วิลล่า
ไป : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ค่าตัว : 18 ล้านปอนด์ (บวก สตีเฟ่น ไอร์แลนด์)
ย้ายเมื่อ : สิงหาคม 2010
อายุตอนที่ย้ายทีม : 24 ปี
ลงเล่น : 1 นัด
ยิงได้ : 0 ประตู
เวลา เท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าอดีตแข้ง ลีดส์ และ นิวคาสเซิ่ล รายนี้ จะประสบความสำเร็จในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ หรือไม่ แต่ถ้าหากดูจากความสามารถของเขาแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เงิน 18 ล้านปอนด์ บวก สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของ มิลเนอร์ น่าจะสูงถึง 26 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว แต่จากการที่ทีม "เรือใบ" มีเงินให้จับจ่ายใช้สอยมากมาย คงจะไม่เป็นกังวลกับเรื่องค่าตัวที่ดูสูงขนาดนี้มากนัก
โอกาสประสบความสำเร็จ : 4 ดาว

6)ไมเคิ่ล คาร์ริค
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ตัวกลาง
จาก : สเปอร์ส
ไป : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ค่าตัว : 18.6 ล้านปอนด์
ย้ายเมื่อ : กรกฎาคม 2006
อายุตอนที่ย้ายทีม : 25 ปี
ลงเล่น : 189 นัด
ยิงได้ : 17 ประตู
ถือ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ สเปอร์ส ที่ดึงตัว คาร์ริค มาจาก เวสต์แฮม ด้วยค่าตัวเพียง 2.7 ล้านปอนด์ แต่กลับสามารถขายให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ดสูงถึงเกือบ 20 ล้านปอนด์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นคำถามอยู่ว่า เขาโชว์ฟอร์มได้คุ้มกับค่าตัวที่ ยูไนเต็ด ลงทุนไปหรือยัง?
แต่แม้ว่าเขา จะยังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของเงินที่ "ปีศาจแดง" ได้ทุ่มลงไปเพียงใด อย่างน้อยเขาก็ยังได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่านักวิจารณ์มากกว่า ฮวน เซบาสเตียน เวรอน อยู่ดี
ระดับความสำเร็จ : 3 ดาว

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 8/29/2010 7:16:18 PM

ท็อป10 แข้งเศรษฐี

ท็อป10 แข้งเศรษฐี
วันที่ 10/8/2010 10:21:33 PM



© AP Images
หลังจากที่ได้ทราบ 10 สุดยอดมหาเศรษฐีเจ้าของทีมและผู้ถือหุ้นของสโมสรต่างๆ กันไปแล้ว วันนี้ก็มาถึงคิวของนักเตะที่รวยที่สุดจากรายงานของแม็กกาซีนลูกหนัง 4-4-2 กันบ้าง


10 นักเตะที่รวยที่สุด

(เฉพาะนักเตะสัญชาติสหราชอาณาจักรหรือที่มาเล่นในเกาะอังกฤษเท่านั้น)


1. เดวิด เบ็คแฮม (แอลเอ แกแล็คซี่ : 100 ล้านปอนด์ : 5,000 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 125 ล้านปอนด์)

ถึงจะอยู่ในช่วงปลายการค้าแข้งแต่ชื่อของซูเปอร์สตาร์วัย 35 ปี ยังขายได้อยู่เสมอ และแม้ว่าทรัพย์สินจะลดลงจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด แต่ เบ็คแฮมและ วิคตอเรีย ศรีภรรยา ก็ยังเหลือกินเหลือใช้ไปอีกสิบชาติได้สบายๆ เพราะนอกจากค่าเหนื่อยก้อนโตที่เคยได้จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และแอลเล แกแล็คซี่ ต้นสังกัดปัจจุบันแล้ว อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ยังมีรายรับมหาศาลจากการเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าชั้นนำต่างๆ รวมถึงบริษัทน้ำหอมและแบรนด์แฟชั่นของทั้งตนเองและภรรยาด้วย

2. ไมเคิ่ล โอเว่น (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 40 ล้านปอนด์ : 1,200 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 38 ล้านปอนด์)

หลังจากที่ย้ายมาเล่นให้ "ปีศาจแดง" โอเว่น ก็ได้ค่าเหนื่อยแบบนัดต่อนัด ซึ่งต่างจากที่เคยได้ถึง 110,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 5.5 ล้านบาท) จากนิวคาสเซิ่ล อย่างไรก็ตาม อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ก็ยังอยู่หัวแถวของนักเตะที่ล่ำซำที่สุดเนื่องจากอาศัยบุญเก่าที่เคยได้เงิน จำนวนมากจากสปอนเซอร์สมัยที่ยังรุ่งๆ กับลิเวอร์พูลและเรอัล มาดริด ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพรีเซนเตอร์ของซีเรียลเนสท์เล่, นาฬิกา Tissot, รถจากัวร์, ผลิตภัณฑ์กีฬาอัมโบร และยังมีบริษัทโอเว่น โปรโมชั่นส์ ของตัวเองด้วย

3. ริโอ เฟอร์ดินานด์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 34 ล้านปอนด์ : 1,700 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 30 ล้านปอนด์)

กองหลังตัวเก่งเจอปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่ เฟอร์ดินานด์ ยังมีรายรับสัปดาห์ละ 120,000 ปอนด์ (ราว 6 ล้านบาท) จากปีศาจแดงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่าเซ็นสัญญาเป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์ของรองเท้าสตั๊ดไนกี้ที่ทำเงิน ให้จำนวนมากโดยที่แทบไม่ต้องออกแรง ทว่า หลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟรายนี้มีหุ้นในค่ายเพลงชื่อ ไวท์ ชอล์ค ถึง 60% ซึ่งเจ้าตัวหวังว่าจะกลายเจ้าของค่ายเพลงผู้ทรงอิทธิพลบ้าง แต่น่าเสียดายที่ธุรกิจนี้แป้กอย่างจัง

4. โซล แคมป์เบลล์ (นิวคาสเซิ่ล : 31 ล้านปอนด์ : 1,550 ล้านบาท)
(ไม่มีรายงานเมื่อปีที่ผ่านมา)

หลายคนอาจจะไม่เชื่อสายตาที่เห็นชื่อของเซนเตอร์ฮาล์ฟจอมเก๋าอยู่ใน อันดับที่ 4 แต่ด้วยความที่แคมป์เบลล์ ค้าแข้งอาชีพมานาน ทำให้เขายังมีเงินทองและทรัพย์สินอีกเป็นกองพะเนิน โดยล่าสุด เจ้าตัวเซ็นสัญญาร่วมทีมนิวคาสเซิ่ลเป็นเวลา 1 ฤดูกาล รายได้ของอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษมาจากการได้ค่าเหนื่อยถึง 5 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 250 ล้านบาท) สมัยที่ย้ายจากท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ มาอยู่กับอาร์เซนอล แบบไม่มีค่าตัวตามกฎบอสแมนเมื่อปี 2001
เมื่อเดือน ม.ค. 2010 แคมป์เบลล์ ฟ้องร้องพอร์ทสมัธที่ไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิภาพลักษณ์และโบนัสอื่นๆ ให้กับเขาเป็นเงิน 1.7 ล้านปอนด์ (ราว 85 ล้านบาท) นอกจากส่วนของฟุตบอลแล้ว กองหลังรายนี้ยังมีบ้านราคากว่า 10 ล้านปอนด์ในกรุงลอนดอน และบริษัทส่วนตัวที่ชื่อโซล แมน จำกัดด้วย

5. ไรอัน กิ๊กส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 27 ล้านปอนด์ : 1,350 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 24 ล้านปอนด์)

ปีกพ่อมดของ "ปีศาจแดง" ลงเล่นให้ต้นสังกัดมาแล้วกว่า 800 นัดและมีสัญญาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปจนจบฤดูกาลหน้า และนั่นก็จะทำให้ กิ๊กส์ อยู่กับทีมชุดใหญ่ของแมนฯ ยูฯ มากว่า 20 ปี และนั่นทำให้สโมสรตอบแทนความจงรักภักดีของเขาด้วยการให้ค่าเหนื่อย 4.2 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 210 ล้านบาท) นอกจากนั้น กิ๊กซี่ ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้รีบอคมาหลายปีดีดัก ในขณะที่ บริษัทไรอัน กิ๊กส์ จำกัดก็ทำให้รายได้ให้ดาวเตะทีมชาติเวลส์ไม่น้อยเช่นกัน

6. เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 25 ล้านปอนด์ : 1,250 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 37 ล้านปอนด์)

ดูเหมือนว่า 2010 จะไม่ใช่ปีทองของรูนเท่าใดนัก เพราะนอกจากจะโชว์ฟอร์มไม่ออกในศึกฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้แล้ว หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ยังเจอวิกฤติครอบครัวหลังถูกโสเภณีรายหนึ่งออกมาแฉผ่านสื่อจนเป็นข่าวครึก โครมไปทั่วโลกว่าสตาร์ "ปีศาจแดง" ซื้อบริการจากเธอนานหลายเดือนระหว่างที่ คอลีน ผู้เป็นภรรยากำลังตั้งครรภ์

เฉพาะการเป็นพรีเซนเตอร์ให้โคคา-โคล่า, บริษัทเกมอีเอ สปอร์ตส, ไนกี้และเมอร์เซเดส ก็ทำเงินให้รูนี่ย์ปีละ 6 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาท) แล้ว นอกจากนั้น ยังได้ค่าเหนื่อยจากแมนฯ ยูฯ สัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์ และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขอเพิ่มเป็น 130,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ด้วย

7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล : 22 ล้านปอนด์ : 1,100 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 20 ล้านปอนด์)

กัปตันทีมหงส์แดง มีรายรับ 6.5 ล้านปอนด์ต่อปีจากสโมสร ทั้งค่าเหนื่อยและโบนัสต่างๆ นอกจากนั้น การเซ็นสัญญากับอาดิดาสและลูคอเซด ยังทำเงินให้ เจอร์ราร์ด อีกปีละ 750,000 ปอนด์ด้วย ซึ่งนั้นทำให้เขามีรายได้รวมต่อปีราว 9 ล้านปอนด์ (ราว 450 ล้านบาท) จากการรายงานของฟอร์บส์ แม็กกาซีน

มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมอร์ซีย์ไซด์และดูไบ รวมทั้งมีบริษัทเป็นของตัวเองที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โปรโมชั่นส์ ซึ่งทำให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ล้านปอนด์จากปีที่แล้ว

7. แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี : 22 ล้านปอนด์ : 1,100 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 21 ล้านปอนด์)

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 กองกลางทีมสิงโตคำรามจรดปากกาสัญญากับเชลซีออกไปอีก 5 ปี คิดเป็นมูลค่า 33 ล้านปอนด์ (ราว 1,650 ล้านบาท) และยังได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 7 ล้านปอนด์) บวกกับอีก 1 ล้านปอนด์ต่อปีจากสปอนเซอร์อย่างอาดิดาส

แลมพาร์ด วัย 32 ปี มีบริษัทของตัวเอง 3 บริษัทซึ่งรวมถึงแฟรงค์ แลมพาร์ด โปรโมชั่นส์ ด้วย

9. จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี : 19 ล้านปอนด์ : 950 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 18 ล้านปอนด์)

กัปตันทีมสิงห์บลูส์ เจอปัญหาข่าวฉาวรุมเร้าหลังแอบนอกใจภรรยาไปกิ๊กกับอดีตแฟนเพื่อนอย่าง เวย์น บริดจ์ จนถึงขั้นทำให้โดนริบปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เจที ยังเป็นที่รักของสาวกเชลซีหลังจากที่เขาปฏิเสธค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ (ราว 12.5 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่ออยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และรับค่าเหนื่อย 160,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์แทน
เทอร์รี่ ทำสัญญากับสโมสรไว้ว่าเมื่อเขาแขวนสตั๊ดจะได้รับการจัดเทสติโมเนียลแมตช์ และนั่นการันตีเงิน 2.5 ล้านปอนด์สำหรับเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งด้วย


10. ปาทริค วิเอร่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 18 ล้านปอนด์ : 900 ล้านบาท)
(ไม่มีรายงานจากปีที่แล้ว)

ดาวเตะชาวฝรั่งเศส ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกสมัยที่เล่นให้อา ร์เซน่อล ก่อนที่จะย้ายไปหาประสบการณ์ในลีกกัลโช่ เซเรีย อา กับยูเวนตุสและอินเตอร์ ที่ซึ่งเขาได้ค่าเหนื่อยประมาณ 90,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 4.5 ล้านบาท) แต่การย้ายทีมครั้งล่าสุดมาเล่นให้ "เรือใบสีฟ้า" ทำเงินให้ "ปั๊ต" สูงถึง 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน




ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 10/11/2010 10:23:02 PM

10 กุนซือที่รวยที่สุด

10 กุนซือที่รวยที่สุด
วันที่ 10/10/2010 3:16:51 PM

Advertisement

© AP Images
มาถึงบทสรุปไตรภาคของ Football Rich List ประจำฤดูกาล 2010-11 จากแม็กกาซีนลูกหนัง 4-4-2 กันแล้ว โดยหลังจากที่ได้นำเสนอเจ้าของและผู้ถือหุ้น รวมถึงนักเตะที่รวยที่สุดในเกาะอังกฤษกันไปแล้ว เราก็มาปิดท้ายกันที่ 10 กุนซือที่ล่ำซำที่สุด


1. ฟาบิโอ คาเปลโล่ (ทีมชาติอังกฤษ : 36 ล้านปอนด์ : 1,800 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 30 ล้านปอนด์)


แม้ว่าจะทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้โค้ชชาวอิตาเลียน สูญเสียรายได้ 5 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 150 ล้านบาท) ในฐานะโค้ชทีมสิงโตคำรามแต่อย่างใด โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่งนี้เมื่อเดือนธ.ค. 2007 คาเปลโล่ เคยพาสโมสรต่างๆ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว 7 ครั้งจาก 16 ฤดูกาลนับตั้งแต่เริ่มอาชีพกุนซือ

2. รอย คีน (อิปสวิช : 28 ล้านปอนด์ : 1,400 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 27 ล้านปอนด์)

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่คีโน่ โผล่มาอยู่อันดับ 2 ก็เพราะทรัพย์สมบัติเก่าจากที่เคยค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาเคยได้รับสัปดาห์ละ 90,000 ปอนด์ในฐานะนักเตะ และยังได้ค่าเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรองเท้าสตั๊ดเดียดอร่าอีก 500,000 ปอนด์ นอกจากนั้น หนังสืออัตชีวประวัติของเขายังเป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดด้วย (สำนักพิมพ์จ่ายเงินให้ล่วงหน้า 1 ล้านปอนด์)

หลังจากแขวนสตั๊ดที่เซลติกแล้ว อดีตกัปตันทีม "ปีศาจแดง" ก็หันไปจับงานโค้ชกับซันเดอร์แลนด์ ที่ซึ่งเขาเซ็นสัญญามูลค่า 6 ล้านปอนด์ต่อ 3 ปี และหลังจากที่ลาออกจากทีม "แมวดำ" ได้ 4 เดือน คีน ก็ได้เป็นกุนซือของอิปสวิช ซึ่งแม็กกาซีน 4-4-2 คาดว่าเขาได้ค่าเหนื่อยเท่ากับที่ได้จากซันเดอร์แลนด์

3. เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 26 ล้านปอนด์ : 1,300 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 22 ล้านปอนด์)


เฟอร์กี้ วัย 68 ปี เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และนั่นก็ทำให้สโมสรตอบแทนเขาด้วยสัญญามูลค่า 3.6 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 180 ล้านบาท) นอกจากนั้น โค้ชเลือดสกอตต์ ยังมีบริษัทเป็นของตัวเองที่ชื่อ เอเอฟซี สปอร์ตส โปรโมชั่นส์, เงินอีก 1 ล้านปอนด์จากการออกหนังสืออัตชีวประวัติ, ม้าแข่งราคาแพง และยังขาย toptable.com ซึ่งเว็ปไซต์จองโต๊ะร้านอาหารชื่อดังได้กำไรอีกเกือบ 4 ล้านปอนด์ (ราว 120 ล้านบาท) เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมาด้วย

4. คาร์โล อันเชล็อตติ (เชลซี : 21 ล้านปอนด์ : 1,050 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 17 ล้านปอนด์)

อีกหนึ่งโค้ชชาวอิตาเลียนที่เข้ามาโกยเงินในอังกฤษ อันเชล็อตติ อำลามิลานเพื่อมาคุมเชลซีเมื่อเดือนมิ.ย. 2009 และเซ็นสัญญาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นเวลา 3 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อย 6.5 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 325 ล้านบาท) พร้อมกับโบนัส 1 ล้านปอนด์สำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีก และอีก 1 ล้านปอนด์รออยู่หากว่าพาสิงห์บลูส์คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

กุนซือวัย 51 ปี ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกในเมืองผู้ดีหลังจากที่พาเชลซีคว้าดับเบิลแชมป์ ได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา และอาจจะทำอันดับได้ดีกว่านี้ในปีหน้าหากว่าพาสโมสรคว้าเจ้ายุโรปได้สำเร็จ

5. อาร์แซน เวนเกอร์ (อาร์เซน่อล : 17 ล้านปอนด์ : 850 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

สัญญาฉบับปัจจุบันของโค้ชชาวฝรั่งเศสมีมูลค่า 4 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 200 ล้านบาท) หลังจากที่เริ่มต้นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยค่าเหนื่อยราว 2 ล้านปอนด์ต่อปี แต่หลังจากที่ช่วยพาอาร์เซน่อลประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกและบอล ถ้วยในประเทศ รวมถึงการได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างต่อเนื่อง บอร์ดบริหารของเดอะ กันเนอร์ส ก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะรั้ง เวนเกอร์ ในวัย 61 ปี เอาไว้กับสโมสรให้ได้นานที่สุด

6. สเวน-โกรัน อีริคส์สัน (เลสเตอร์ ซิตี้ : 15 ล้านปอนด์ : 750 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีริคส์สัน เป็นหนึ่งในกุนซือจอมพเนจรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพราะหลังจากจะเคยคุมทีมชาติอังกฤษ ซึ่งได้ค่าเหนื่อย 4 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 120 ล้านบาท) มาแล้ว โค้ชชาวสวีดิชวัย 62 ปี ยังทำเงินมากมายจากการเซ็นสัญญาคุมทีม นับตั้งแต่ โกเตนเบิร์ก, เบนฟิก้า, ซามพ์โดเรีย, ลาซิโอ, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมชาติเม็กซิโก, น็อตต์ เคาน์ตี้, ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ และ เลสเตอร์ เป็นทีมล่าสุด

7. โรแบร์โต้ มันชินี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 15 ล้านปอนด์ : 750 ล้านบาท)

(ปีที่แล้วไม่ติดอันดับ)

แม้ว่าจะพาอินเตอร์ คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มา 3 ปีซ้อน แต่เจ้าตัวก็ถูกเด้งจากเก้าอี้เมื่อจบฤดูกาล 2008 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้ค่าเหนื่อยราว 5.5 ล้านปอนด์ต่อปี จากนั้น มันโช่ วัย 46 ปี ก็ได้เซ็นสัญญาคุมทีม "เรือใบสีฟ้า" แทน และนั่นทำเงินให้เขาถึง 6 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 300 ล้านบาท) โดยก่อนที่จะมาเป็นโค้ช มันชินี่ เคยเป็นนักเตะชื่อดังของซามพ์โดเรีย, ลาซิโอและทีมชาติอิตาลี มาก่อนด้วย

8. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (ทีมสำรองแมนฯ ยูไนเต็ด : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ปีที่แล้วไม่ติดอันดับ)

อดีตกองหน้าตัวสำรองจอมอดทนของ "ปีศาจแดง" ได้ผันตัวเองมาเป็นโค้ชทีมสำรองให้กับสโมสรอย่างเต็มตัวเมื่อเดือนพ.ค. 2008 โดย โซลชาร์ เป็นที่จดจำของแฟนบอลจากการพังประตูชัยในช่วงท้ายเกมของรอบชิงชนะเลิศแช มเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1999 โดยในช่วงที่ยังรุ่งๆ (1993-1996) เขาได้รับค่าเหนื่อยราว 1.6 ล้านปอนด์ต่อปีโดยที่ยังไม่รวมรายรับจากสปอนเซอร์อื่นๆ และหลังจากที่แขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2007 เขาก็ได้บริจาคเงิน 2 ล้านปอนด์ (ราว 100 ล้านบาท) ที่ได้มาจากเกมเทสติโมเนียลแมตช์ของตัวเองให้กับการกุศลทั้งหมด

9. มาร์ค ฮิวจ์ (ฟูแล่ม : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 15 ล้านปอนด์)

ชื่อนี้ไม่เคยห่างหายไปจากวงการลูกหนังเมืองผู้ดีได้นาน เพราะเมื่อไหร่ที่มีการคาดเดารายชื่อกุนซือคนใหม่ของสโมสรต่างๆ ชื่อของ ฮิวจ์ วัย 46 ปี ก็มักจะโผล่ขึ้นมามีเอี่ยวด้วยเสมอ และหลังจากที่แยกทางกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฮิวจ์ ก็ตัดสินใจเข้ามารับงานที่ฟูแล่ม แทนรอย ฮอดจ์สัน ที่ย้ายไปคุมลิเวอร์พูล

ฮิวจ์ สร้างชื่อจากการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะชีพจรลงเท้าค้าแข้งกับอีกหลายสโมสรทั้งในและนอกเกาะอังกฤษ ก่อนจะหันเหอาชีพมาเป็นโค้ช และแม้ว่าการคุมแต่ละทีมของเขาจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ ฮิวจ์ ก็ทำเงินได้มากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเหนื่อยปีละ 3 ล้านปอนด์จาก "เรือใบสีฟ้า" นอกจากนั้น เขายังมีบริษัทออกแบบและรับสร้างบ้าน รวมทั้ง โรงเรียนสอนฟุตบอลด้วย

10. แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ (ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ : 10 ล้านปอนด์ : 500 ล้านบาท)
(ทรัพย์สินรวมปีที่แล้ว 10 ล้านปอนด์)

เร็ดแน็ปป์ วัย 63 ปี เริ่มเข้าสู่อาชีพโค้ชตั้งแต่ปี 1976 และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกุนซือฝีมือดีของอังกฤษ และนั่นก็พิสูจน์ได้จากผลงานการคุมทั้งเวสต์แฮม, พอร์ทสมัธ รวมทั้งการช่วยให้ฉุดสเปอร์ส พ้นจากท้ายตารางในช่วงแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนต.ค. 2008 ก่อนที่จะพา "ไก่เดือยทอง" จบด้วยอันดับ 4 ในซีซั่นที่ผ่านมา และได้สิทธิ์ไปลุยเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในที่สุด

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 10/14/2010 9:29:18 AM