27 มิถุนายน 2552

รักได้...แต่เจ็บให้เป็น

ความรัก
ว่า เราจะรักอย่างไร
เพื่อให้รู้จักรักให้เป็น และจะ
รัก
อย่างไรเพื่อให้ทั้งใจเรา
และใจเขามีความสุขไปพร้อม

ๆ กัน ไม่ว่าความรักนั้นจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม

คุณโยมท่านนั้นเปรียบเทียบให้อาตมา
ฟังว่า รักได้ ก็เหมือนการขับรถได้
แค่เสียบกุญแจ
เข้าเกียร์
เหยียบคันเร่ง
ไม่ต้องสนกฎจราจร อาจเกิดอุบัติเหตุ
ตั้งแต่
บาดเจ็บไปจนถึง
เสียชีวิต

แต่ รักเป็น ก็เหมือนเรารู้ว่ากฎจราจรมี
บังคับอย่างไรบ้าง จะแซงขวาต้องเปิดไฟเลี้ยวขอทาง

จะลงสะพานต้องชะลอความเร็ว เพื่อให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

เช่นเดียวกับความรัก ถ้าเรารู้ว่าความรัก
คืออะไร รักอย่างไรให้มีความสุข
รักอย่างไรไม่ให้

เป็นพิษ
ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

รักให้เป็น
คือ เราต้องพิจารณาว่า รักแบบไหน
รักทำไม
แล้วเราจะรักไปในทิศทางไหน
สมัยนี้ที่มีปัญหาเพราะรักได้ แต่ไม่มีสมอง
ไม่ใช้ปัญญา
ใช้แต่ความหลง หลงว่ารัก
หลงว่าดี จนรักทำให้

ตาบอด
หลับไปกับความฝัน ลมๆ แล้งๆ
แต่กว่าจะมีใครเอาไม้มาเขี่ยปลุก ก็ตื่นสาย น้ำลายยือเปียก

ไปครึ่งหมอนเรามักพูดว่า ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผล
ใช้เพียงอารมณ์ ความรู้สึก และสัญชาตญาณ

เท่านั้น แต่เพราะอารมณ์ไม่ใช่หรือ
ที่ทำให้เราเลือกผิด
ที่ทำให้ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า ที่ทำให้คิด

ฆ่าตัวตาย
แต่หากเราใช้ปัญญาประกอบ คือ สามารถพิจารณา
ได้ว่า อะไรดี อะไรควร
เพื่อไม่ให้หลง

ไปกับรักลวงอย่างเต็มตัวจนกู่ไม่กลับ

สุดท้ายแล้ว
ไม่ว่ารักจะเป็นอย่างไร หรือ
รักเป็น เป็นอย่างไร ทุกความรักจะต้องมี เมตตา

มีความปรารถนาดีที่จะมอบสิ่งดี
ความรู้สึกดี
ความหวังดี ให้แก่ผู้ที่เรารัก ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร
หรือมีความรัก
ในฐานะใดก็ตาม หากสมหวัง
ความเมตตาในความรักนั้น จะทำให้เรารักษาและดำเนิน
รักที่เป็นสุข
แต่หากผิดหวังความเมตตา
ที่ได้รัก
ก็จะทำให้เรายินดีกับรักอย่างเป็นสุขเช่นกัน



จากหนังสือธรรมะ Delivery

โดย พระมหาสมปอง ตาลปุตโต

141 ที่สุดของโลก^0^

1.ทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทวีปเอเซีย

2.ทวีปที่เล็กที่สุดในโลก - ทวีปออสเตรเลีย

3.คาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก - คาบสมุทรอาหรับ

4.มหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก - มหาสมุทรแปซิฟิก

5.มหาสมุทรที่เล็กที่สุดในโลก - มหาสมุทรแอนตาร์กติก

6.ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลจีนใต้

7.ทะเลส่วนที่ลึกที่สุดในโลก - บริเวณChallenger ใกล้เกาะมาเรียนา ในมหาสมุทรแปซิฟิก

8.ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบสุพีเรีย อยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับแคนาดา

9.ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบแคสเปียน อยู่ระหว่างทางใต้ของรัสเซียกับอิหร่าน

10.ทะเลสาบที่มีน้ำเค็มที่สุดในโลก - ทะเลสาบเดดซี อยู่ระหว่างอิสราเอลกับจอร์แดน

11.ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก - ทะเลสาบไบคาล ในไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย

12.ทะเลสาบที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก - ทะเลสาบกัลลาเซียล ในธิเบต

13.ทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบมืด เหนือเขื่อนระหว่างรัฐเนวาดากับอริโซนา

14.อ่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก - อ่าวเม็กซิโก

15.ปากแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก - ปากแม่น้ำออฟเฟน โพรเซ็น อ๊อป ประเทศรัสเซีย

16.แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก - แม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกา

17.แม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก - แม่น้ำดี ริเวอร์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา

18.แม่น้ำที่กว้างที่กว้างที่สุดในโลก - แม่น้ำอเมซอน ทวีปอเมริกาใต้

19.แม่น้ำที่เกิดอุทกภัยมากที่สุดในโลก - แม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำวิปโยค ประเทศจีน

20.คลองธรรมชาติที่ยาวที่สุดโลก - คลองยุ่นโห ประเทศจีน

21.คลองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก - คลองสุเอช

22.หมู่เกาะที่มีเกาะต่างๆอยู่หนาแน่นที่สุด - หมู่เกาะอินดีส

23.ช่องแคบที่ยาวที่สุดในโลก - ช่องแคบตาต้า

24.เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก - เกาะกรีนแลนด์ มหาสมุทรอาร์คติค

25.ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก - ยอดเขาเอเวอเรสต์

26.เทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก - เทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้

27.ช่องแคบระหว่างภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ช่องแคบบนแกรนด์ แคนยอน รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

28.ยอดภูเขาไฟที่สวยและสูงที่สุดในโลก - ภูเขาไฟฟูจิยามา ประเทศญี่ปุ่น

29.ทะเลทรายที่ใหญ่และร้อนที่สุด - ทะเลทรายซาฮาร่า ในแอฟริกาเหนือ

30.น้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงามและใหญ่ที่สุดในโลก - น้ำตกไนแองการา อยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกา และแคนาดา

31.น้ำตกที่สูงที่สุดในโลก - น้ำตกแองเจิล ประเทศเวเนซูเอลา

32.ประเทศที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก - ประเทศรัสเซีย

33.ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก - นครรัฐวาติกัน

34.ประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุด - ประเทศจีน

35.เมืองที่มีพลเมืองมากที่สุด - โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

36.ประเทศที่มีพลเมืองน้อยที่สุด - นครรัฐวาติกัน

37.ประเทศที่มีเกาะมากที่สุด - ฟิลิปปินส์

38.ประเทศที่มีทะเลสาบมากที่สุด - ฟินแลนด์

39.ประเทศที่มีภูเขาไฟมากที่สุด - อินโดนีเซีย

40.ประเทศที่อยู่สูงที่สุด - ธิเบต

41.ประเทศที่มีพื้นที่ต่ำที่สุด - อิสราเอล

42.ประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด - ประเทศญี่ปุ่น

43.ประเทศที่มีภาษามากที่สุด - ประเทศอินเดีย

44.ประเทศที่มีเมืองขึ้นมากที่สุด - อังกฤษ

45.เมืองที่มีคลองมากที่สุด - เวนิส ประเทศอิตาลี

46.ประเทศที่ขุดแร่ดีบุกมากที่สุด - มาเลเซีย

47.ประเทศที่ปลูกกาแฟมากที่สุด - บราซิล

48.ประเทศที่ผลิตกระดาษมากที่สุด - แคนาดา

49.ประเทศที่ขุดเพชรได้มากที่สุด - สหภาพแอฟริกาใต้

50.ประเทศที่มีแร่เงินมากที่สุด - เม็กซิโก
51.ประเทศที่มียางพารามากที่สุด - มาเลเซีย

52.ประเทศที่มีทับทิมมากที่สุด - พม่า

53.ประเทศที่มีทองคำขาวมากที่สุด - สหภาพโซเวียตรัสเซีย

54.ประเทศที่มีแร่พลวงมากที่สุด - สาธารณรัฐประชาชนจีน

55.ประเทศที่ขุดสินแร่อลูมิเนียมได้มากที่สุด - สวิสเซอร์แลนด์

56.ประเทศที่ผลิตหินอ่อนมากที่สุด - อิตาลี

57.ประเทศที่ผลิตแร่ปรอทได้มากที่สุด - สเปน

58.ประเทศที่มีถ่านหินมากที่สุด - สหรัฐอเมริกา

59.ประเทศที่มีแมงกานีสมากที่สุด - อินเดีย

60.ประเทศที่ประดิษฐ์และส่งดาวเทียมประเทศแรก - สหภาพโซเวียตรัสเซีย

61.ประเทศที่ส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์ได้สำเร็จประเทศแรก - สหรัฐอเมริกา

62.ประเทศที่จับปลาได้มากที่สุดในโลก - ญี่ปุ่น

63.ประเทศที่มีฟยอร์ดมากที่สุดในโลก - นอร์เวย์

64.ประเทศที่ผลิตเหล้าองุ่นมากที่สุด -ฝรั่งเศส

65.ประเทศที่ผลิตเบียร์มากที่สุด - เยอรมนี

66.ประเทศที่ปลูกอ้อยมากที่สุด - คิวบา

67.ประเทศที่มีต้นควินินมากที่สุด - อินโดนีเซีย

68.ประเทศที่ปลูกข้าวสาลีมากที่สุด - รัสเซีย

69.ประเทศที่ปลูกชามากที่สุด - สาธารณรัฐประชาชนจีน

70.ประเทศที่ปลูกฝ้ายมากที่สุด - สหรัฐอเมริกา

71.ประเทศที่มีข้าวเจ้าพันธุ์ดีที่สุด - ไทย

72.ประเทศที่มีแร่เหล็กมากที่สุด - สวีเดน

73.ประเทศที่เลี้ยงไหมมากที่สุด - จีน

74.ประเทศที่ผลิตนมมากที่สุด - สวิสเซอร์แลนด์

75.ประเทศที่ปลูกสับปะรดมากที่สุด - เกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา

76.ประเทศที่ปลูกส้มมากที่สุด - รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

77.ประเทศที่ผลิตพรมได้มากและคุณภาพดีที่สุด - เปอร์เซีย

78.ประเทศที่ขุดน้ำมันดิบส่งออกมากที่สุด - ซาอุดิอาระเบีย

79.ชาติที่ประดิษฐ์เข็มทิศใช้ในการเดินเรือเป็นชาติแรก - จีน

80.บัตรอวยพรอะไรที่มีเป็นอย่างแรก - บัตรอวยพรวันวาเลนไทน์

81.ศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุด - ศาสนาคริสต์

82.ศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด - ศาสนาฮินดู

83.กำแพงที่ยาวที่สุด - กำแพงเมืองจีน

84.วัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - นครวัต ประเทศกัมพูชา

85.โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก - โรงแรมลาสเวกัส ฮิลตัน รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

86.ตึกที่สูงที่สุดในโลก - ตึกเซียส์ ที่ชิกาโก สหรัฐอเมริกา

87.ป่าที่ใหญ่ที่สุด - ป่ามหาวัน ประเทศอินเดีย

88.สะพานที่ยาวที่สุด - สะพานเซคอนด์ เลค พอนซาเทรน คอสเวย์ อยู่ที่ลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกา

89.สะพานที่กว้างที่สุด - สะพานซิดนีย์ ฮาร์เบอร์ บริดจ์

90.สะพานแขวนที่ยาวที่สุด - สะพานพระราม9 กรุงเทพมหานคร

91.ทางรถไฟที่ยาวที่สุด - ทรานส์ไซบีเรีย

92.อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุด - อุโมงค์ซิมพลอน

93.สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุด - สถานีแกรนด์ เซนทรัล เทอร์มินอล

94.ถนนที่ยาวที่สุด - ถนนแพน-อเมริกัน ไฮเวย์

95.เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุด - เครื่องบินเจ็ท โบอิ้ง747

96.เรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุด - เรือควีน อลิซาเบธ

97.เรือบรรทุกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุด - เรือซีวีส ไจเอ้น

98.ป่าที่ทึบที่สุดในโลก - ป่าเซลวาส ลุ่มแม่น้ำอเมซอน

99.ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด - ต้นซานตา มาเรีย เด็ล ตูลี ในเม็กซิโก

100.ต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลก - ต้นสนPinus longaeva รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

101.ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Arnold 's Rafflesia เกาะสุมาตรา

102.ปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ปิรามิดQuetzalcoatl

103.คุกที่แข็งแรงที่สุด - คุกอัลคาตราส ในซานฟรานซิสโก

104.จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุด - จตุรัสเทียนอันเหมิง ปักกิ่ง

105.สิ่งก่อสร้างที่สวยงามที่สุด - สุสานหินอ่อนทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย

106.ประเทศที่มีชื่อเสียงในการทำนาฬิกา - สวิสเซอร์แลนด์

107.ระฆังใบใหญ่ที่สุด - ระฆังซาร์โคโลโคล อยู่ที่ปราสาทอิวานเวลิกี้ พระราชวังเครมลิน มอสโคว สหภาพโซเวียต

108.เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก - เพชรคุลลินาน

109.หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน

110.นาฬิกาเรือนใหญ่ที่สุดในโลก - นาฬิกาบิกเบน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

111.ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด - ดาวศุกร์

112.ดาวฤกษ์ดวงไหนมีแสงสว่างมากที่สุด - ดาวซิริอัส(Sirius) มีสีเขียวแกมน้ำเงิน

113.นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก - นางศิริมาโว บันดาราไนยเก ประเทศศรีลังกา

114.มนุษย์อวกาศคนแรกของโลก - ยูริ กาการิน ชาวรัสเซีย

115.มนุษย์อวกาศหญิงคนแรกของโลก - วาเลนตินา วลาดิมิโรฟนา เทเรสโกวา ชาวรัสเซีย

116.ผู้ที่เดินเรือรอบโลกเป็นคนแรก - แม็คเจลแลน

117.สัตว์ที่มีจำนวนมากที่สุด - แมลง

118.สัตว์ที่มีอายุยืนที่สุด - เต่าทะเล

119.สัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - ช้าง

120.สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - ปลาวาฬ

121.นกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - นกกระจอกเทศ

122.สัตว์ที่มีเสียงดังที่สุด - ปลาวาฬสีน้ำเงิน

123.สัตว์ที่เตลื่อนที่ได้เร็วที่สุด - เหยี่ยวฟิรีกริน

124.สัตว์ที่เคลื่อนที่ได้ช้าที่สุด - ปู ในบริเวณทะเลแดง

125.นกที่มีอายุยืนที่สุด - กา

126.นกที่ตัวเล็กที่สุด - นกฮัมมิ่ง

127.นกที่บินเร็วที่สุด - นกอินทรี

128.นกที่มองได้ไกลที่สุด - เหยี่ยว

129.นกที่ตาไวที่สุด - แร้ง

130.สัตว์ที่สายตาสั้นและดุร้ายที่สุด - แรด

131.ปลาที่ร้ายกาจที่สุด - ปิรันยา

132.ไก่ที่ไข่ดกที่สุด - ไก่พันธุ์เล็กฮอร์น

133.ธาตุที่เบาที่สุด - ธาตุไฮโดรเจน

134. เนื้อที่ : ประเทศรัสเซีย เป็นประเทศที่มี เนื้อที่มากที่สุดในโลก ประมาณ 17,075,400 ตารางกิโลเมตร เนื้อที่น้อยที่สุด คือ นครรัฐ วาติกัน มี เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร

135. ระดับความสูงของที่ตั้งประเทศ :ประเทศธิเบตเป็นประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก คือ สูงกว่า ระดับน้ำทะเล 12,087 ฟุต (3,626.1 เมตร) ส่วนประเทศที่ตั้งอยู่ต่ำ ที่สุด คือ ประเทศอิสราเอลบริเวณทะเล Death Sea ซึ่งต่ำกว่าระดับ น้ำทะเล 1,292 ฟุต (387.60 เมตร)

136. พรมแดนของประเทศ : ประเทศจีนมีพรมแดน ติดต่อกับ ประเทศเพื่อนบ้านมากที่สุดในโลกถึง 14 ประเทศ ส่วนพรมแดน รอยต่อประเทศที่ยาวที่สุดในโลก คือ พรมแดนระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา ที่ยาวถึง 3,987 ไมล์ หรือ ประมาณ 6,379 กิโลเมตร ส่วนพรมแดนที่สั้นที่สุดคือ พรมแดน ของประเทศอิตาลีกับนครรัฐวาติกัน ที่ยาวเพียง 2.53 ไมล์ หรือ ประมาณ 4.05 กิโลเมตรเท่านั้น

137. จำนวนประชากร : ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ราว 1,178.5 ล้านคน 5. อัตราการเกิด : ประเทศมาลาวี ทวีปแอฟริกา เป็นประเทศ ที่มีอัตราการเกิดมากที่สุด คือ ร้อยละ 5.5 ส่วนนครรัฐวาติกัน มีอัตราการเกิดน้อยที่สุด คือ มีอัตราการเกิดเป็น 0

138. อัตราการตาย : ประเทศอัฟกานิสถาน เป็นประเทศที่มีอัตราการตายมากที่สุดคือ ร้อยละ 2.2 ส่วนคูเวตมีอัตราการการตายต่ำสุด เพียงร้อยละ 0.2 เท่านั้น

139. อายุเฉลี่ย : ประเทศที่จัดว่ามีประชากรอายุยืนที่สุด คือ ญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุเฉลี่ย ชาย 76 ปี หญิง 82 ปี ส่วนประเทศที่ประชากรมี อายุเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ประเทศ เซียร์ราลีโอน เฉลี่ยชาย 41 ปี เฉลี่ยหญิง 45 ปี

140. ภาษาพูด : ประเทศอินเดียครองความเป็นเจ้าแห่งภาษา คือ มีภาษาพูดมากกว่า 840 ภาษา

141. เกาะ : ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเกาะมากที่สุด ในโลก คือ ประมาณ 13,000 เกาะ

ขอแค่คำขอบคุนครับ

เรื่องจริงแสนฮาจากพี่โน๊ส

เรื่องจริงแสนฮาจากพี่โน๊ส
- เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ
- ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้ายให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก
- ถ้ามีการแนะนำตัวว่า ‘นี่เพื่อนฉัน’ หมายความว่า ‘แฟนฉัน’
- ถ้ามีการแนะนำตัวว่า ‘นี่แฟนฉัน’ หมายความว่า ‘ผัว/เมียฉัน’

* มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
* แฟนของคนอื่นมักจะสวยกว่าแฟนของตัวเอง
* เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์
เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ
* ถ้าแอบรักใครอย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
* เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักทีให้พูดว่าไม่เอาจะ
ได้เร็ว

* ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่า
จะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที
* ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้านไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
* ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่งไม้,
ซอกตึก,อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
* ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
* ระวังคน ที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ

* อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
* หนังสือดีคือหนังสือที่เราชอบอ่าน, หนังดีคือหนังที่เราชอบดู
* อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ
ว่าอย่าบอกใครนะ
* อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว
คนล้างจะเสียความรู้สึก
* เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ

* อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ
* รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา
แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป
* ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้
ยังไงเพื่อนต้องมี
* อย่าเข้าใกล้หมาตอนกินข้าว
* ตลาด อตก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา

* เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
* ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
* คนไม่กินเนื้อไม่ได้แปลว่าเป็นดีเสมอไป
* เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีน ออกจากปากให้หลับตาด้วย
* ปูอัด มันทำจากปลา

* กระเพาะปลามันทำมาจากหนังหมู
* กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า
* อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ
* ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ
กับประเภทที่ 2ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่า ปกติดีนี่ไปทำอะไรมา
* คนที่เอาหมวกตำรวจหรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะ
บ้านเขาไม่มีตู้ เขาไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร

* คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆตัว
เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
* คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ
* ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
* จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
* เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดูหน้าที่ตัวเองพูดถึง
มักจะหาไม่เจอ

* ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก
* ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต,
ห้องน้ำผู้ชายผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน

25 มิถุนายน 2552

ติดตั้ง Joomla ตอนที่ 3

หลังจากที่ได้เขียนวิธีการติดตั้งไปสองตอนแล้ว วันนี้มาเริ่มตอนที่ 3 กันเลยดีกว่าครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา

เริ่มต้นด้วยการพิมพ์ http://127.0.0.1/web/installation ลงไปในช่อง Address แล้วกดปุ่ม Enter

  • 127.0.0.1 เป็น หมายเลย IP ประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ ในลักษณะที่เป็น local เพราะฉะนั้นเมื่อเราจำลองเครื่อง pc เป็น server ก็จะต้องใช้หมายเลข IP นี้
  • web คือ โฟลเดอร์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง จะเป็นชื่ออะไรก็ได้ครับ เป็นโฟลเดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์ของ Joomla ตอนที่เราแตก zip ไฟล์ออกมา
  • installation เป็นชื่อโฟลเดอร์สำหรับติดตั้ง Joomla มีความจำเป็นต้องพิมพ์ให้ถูกทุกตัวนะครับ
เมื่อ เรากดปุ่ม Enter เรียบร้อยแล้วก็จะปรากฎหน้าจอแรกสำหรับการติดตั้ง Joomla ซึ่งเป็นส่วนสำหรับการเลือกภาษาสำหรับการติดตั้ง Joomla

ให้คลิ๊กเลือก th-TH-Thai (ภาษาไทย) จากนั้นคลิกที่ปุ่ม ถัดไป

จะ ปรากฎหน้าจอสำหรับการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Server กับ Joomla ในส่วนนี้มีความจำเป็นอย่างมาก พยายามให้ขึ้นคำว่าสนับสนุนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ให้ดูคำแนะนำทางด้านหน้าซึ่งจะมีบอกอยู่ว่าเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นคลิ๊ก ถัดไป

จะ เข้าสู่หน้า ลิขสิทธิ์ หากเราต้องการทรายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของ Joomla สามารถมารถอ่านรายละเอียดได้จากหน้านี้ แต่หากไม่ต้องการอ่านก็ให้คลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป ได้เลยครับ

เมื่อ เข้ามาในหน้าที่มีการกำหนดข้อมูลเกี่ยวกับฐานข้อมูล ในส่วนนี้่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนการติดตั้ง Joomla ตอนที่ 2 ครับ มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพราะฉะนั้นให้เรานำข้อมูลการสร้างฐานข้อมูลของเรามาใส่ จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป

จะ ปรากฎหน้าเว็บเพจสำหรับการตั้งค่า FTP ในส่วนนี้ถ้าเป็นการติดตั้งภายในเครื่อง pc (localhost) สามารถเลือก ไม่สนับสนุน ได้ แต่ถ้าเป็นการติดตั้งบน Server แล้วหละก็ ผมแนะนำให้คลิ๊กสนับสุน แล้วก็กรอกข้อมูลรายละเอียด FTP ลงไป (รายละเอียดในส่วนนี้เรา add ใน control system ที่ผู้ให้บริการโฮสติ้งให้เรามา)จากนั้นคลิ๊กปุ่ม ถัดไป

จะเข้ามาที่หน้าเว็บเพจสำหรับการตั้งชื่อเว็บไซต์ และการกำหนดรหัสผ่านของ admin (สำคัญมากในส่วนนี้)

อย่าลืมคลิ๊กปุ่ม ติดตั้งข้อมูลตัวอย่างด้วยครับ เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างเว็บไซต์ด้วย Joomla ของเรา

เมื่อเราคลิ๊กที่ปุ่มติดตั้งข้อมูลตัวอย่างเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎตามภาพด้านล่างครับ

หลังจากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม ถัดไป จะปรากฎหน้าเว็บเพจตามภาพด้านล่าง

ให้เราเข้าไปลบโฟลเดอร์ installation ในไดรฟ์ C\AppServ\www\web

เมื่อลบเสร็จเรียบร้อย คลิ๊กปุ่ม ดูหน้าเว็บไซต์ ก็จะปรากฎหน้าเว็บเพจ Joomla ที่เราติดตั้ง เรียบร้อยแล้วครับ

ติดตั้ง Joomla ตอนที่ 2

จากเมื่อครั้งที่แล้วเราได้ดำเนินการ เตรียมไฟล์เพื่อดำเนินการติดตั้ง Joomla เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เรามาดูวิธีการติดตั้ง Joomla กันต่อเลยดีกว่าครับ เริ่มจากเปิดโปรแกรม Webbrowser ขึ้นมาแล้วพิมพ์ 127.0.0.1 หรือ localhost ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน จะปรากฎดังภาพด้านล่าง

คลิ๊กเลือกหัวข้อ phpMyAdmin database Manager Version 2.10.2 เพื่อเข้าไปสร้างฐานข้อมูลสำหรับการติดตั้ง CMS Joomla เมื่อคลิ๊กแล้วจะปรากฎ หน้าต่างสำหรับ กรอก User Name และ Password ตามภาพด้านล่าง

๊User Name ค่าเริ่มต้นเป็น root ส่วน Password นั้นก็ใ่ส่ password ตามที่เราติดตั้งไว้ในตอนแรก (ตอนติดตั้ง Appserv) หลังจากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม OK จะปรากฎหน้าเว็บเพจตามภาพด้านล่าง

ใต้ คำว่าสร้างฐานข้อมูลใหม่ ให้พิมพ์ชื่อฐานข้อมูลที่เราต้องการตั้งชื่อลงไป ตามตัวอย่างคือ ninetechno_db1 จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่มสร้าง จะปรากฎหน้าเว็บเพจดังภาพด้านล่าง

เพียง เท่านี้เราก็สามารถสร้าง Database สำหรับการติดตั้ง Joomla เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถที่ปุ่มออกจากระบบ และก็ปิด Web Browser ได้แล้วครับ

ติดตามต่อต่อนต่อไปครับ

ติดตั้ง Joomla ตอนที่ 1

หลังจากเที่เรา Download Joomla มาเรียบร้อยแล้ว จะได้ไฟล์ติดตั้งดังภาพด้านบน

ให้ เราเข้าไปใน drive C โฟลเดอร์ AppServ ตามด้วยโฟลเดอร์ www จะเห็นว่าภายในจะมี โฟลเดอร์อยู่ 3 โฟลเดอร์ กับอีก 2 ไฟล์ ซึ่งเป็นไฟล์ระบบของ Appserv

หลังจากนั้นให้สร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา 1 โฟลเดอร์ตั้งชื่ออะไรก็ได้ (ภาษาอังกฤษ) แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้ชื่อเว็บไซต์ของตนเองมาตั้งก็ได้

Copy ไฟล์ติดตั้งเข้ามาไว้ในโฟลเดอร์ที่เราสร้างขึ้น และดำเินินการแตกไฟล์ตามภาพด้านบน

แสดงภาพการแตกไฟล์ของ Joomla

เมื่อแตกไฟล์เสร็จเรียบร้อยแล้วจะปรากฎโฟลเดอร์ และไฟล์ต่าง ๆ ตามภาพด้านบน ..... ติดตามต่อตอนหน้านะครับ

ติดตั้ง appserv

หลังจากที Download File ติดตั้งของ Appserv มาเรียบร้อยแล้ว จะได้ไฟล์ดังภาพ ให้ดับเบิลคลิ๊กที่ไฟล์ติดตั้ง

จะปรากฎหน้าต่างต้อนรับของตัวช่วยติดตั้ง appserv

้คลิ๊กที่ปุ่ม Next > เพื่อดำเนินการติดตั้งต่อไป

หน้าแสดงถึงข้อตกลงการใช้งาน Appserv ให้คลิ๊กที่ปุ่ม I Agree เพื่อยอมรับข้อตกลงการใช้ Appserv

หน้าต่าง นี้เป็นการกำหนดเส้นทางการเก็บโฟลเดอร์โปรแกรม Appserv ซึ่งสามารถเลือกที่เก็บได้ ในที่นี้แนะนำให้ใช้ค่าตามปกติที่โปรแกรมให้มา จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Next >

ในหน้าต่างนี้โปรแกรมได้ทำการเลือก compunents ต่าง ๆ ไว้ ก็ไม่้ต้องเปลี่ยนแปลงค่าใด ๆ สามารถคลิ๊กที่ปุ่ม Next > ได้เลยครับ

หลังจากนั้นกำนหดชื่อ Server โดยพิมพ์คำว่า localhost ในช่อง Server name ส่วนในช่องด้านล่าง ให้ใส่ E-mail ของเราลงไปครับ

จากนั้นพิมพ์รหัสผ่าน 2 ครั้ง ให้เหมือนกัน แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Install

ขณะนี้โปรแกรมกำลังดำเนินการติดตั้งอยู่ กรุณารอสักครู่

เมื่อ เสร็จแล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Finish เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับการติดตั้ง Appserv จากนั้นมาทดสอบกันครับว่าเราติดตั้งแล้วใช้งาน Appserv ได้หรือไม่ โดยการเปิด Webbrowser ขึ้นมา แล้ว พิมพ์ 127.0.0.1 ในช่อง Address หากปรากฎหน้าเว็บเพจดังภาพด้านล่าง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อสร้างเว็บไซต์ด้วย Joomla

การส ร้างเว็บไซต์ด้วย CMS Joomla ดูจะเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับภาษาในการสร้าง เว็บไซต์ เช่น PHP, SQL, ฯลฯ แต่สำหรับมือใหม่แล้วหละก็ ผมรับประกันเลยครับว่าคุณจะต้องพบกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย ก็อย่างที่ผมเคยเขียนบรรยายไว้ในบทความก่อน ๆ ว่า เราควรจะต้องศึกษาภาษาดังกล่าวเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ทั้งนี้จะทำให้เราสามารถใช้งาน Joomla ได้ง่ายขึ้นครับ

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อสร้างเว็บไซต์ด้วย Joomla

  • Web Browser เนื่องจากปัจจุบัน โปรแกรม web browser มีอยู่ให้เลือกใช้มากมาย แต่ โปรแกรม web browser ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคงหนีไม่พ้น Internet Explorer จากค่าย Microsoft และ Mozilla Firefox การสร้างเว็บไซต์ด้วย CMS Joomla นั้น จะมีแม่แบบ(Template) ให้เราเลือกใช้งาน โดยการ Download จากเว็บไซต์ผู้ให้บริการฟรี Template บางครั้ง Template ที่เราชื่นชอบอาจแสดงผลผิดพลาดในบาง Web Browser เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทดสอบกับโปรแกรม Web borwser ก่อนดำเนินการแก้ไข Template นั้น ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
  • Hosting การเลือกโฮสติ้งถือเป็นอีกปัจจัยในการสร้างเว็บไซต์ด้วย CMS Joomla หากเราเลือกใช้บริการโฮสติ้งที่สนับสนุน Joomla แบบ 100% จะทำให้การติดตั้ง, การใช้งาน Joomla เกิดปัญหาน้อยลง
  • การปรับปรุง Joomla ให้เป็นรุ่นใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้มี Joomla มีเว็บไซต์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับในการ Download และพยายามปรับปรุง CMS Joomla ให้มีความปลอดภัยอยู่เสมอ อีกทั้งการปรับปรุง (Upgrade) Joomla นั้นทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ Copy ไฟล์ใหม่ไปทับไฟล์เก่าเท่านั้น
  • การ ติดตั้ง Plug-in ในการติดตั้งความสามารถใหม่ ๆ ให้กับ Joomla ควรมีการทดสอบโดยการติดตั้งบน local ก่อนเพื่อเป็นการลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของเรา ลองคิดดูว่า หากเราสร้างเว็บไซต์มาเป็นเวลานาน แล้วมีการติดตั้ง Plug-in เพิ่มจนเว็บไซต์ Error มันคงไม่คุ้มกับเวลาที่เราเสียไป (จริงไหมครับ)
  • การเตรียมความพร้อมก่อนการสร้างเว็บไซต์ ควรมีสมุดบันทึก 1 เล่ม เพื่อเก็บรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ ในการจัดทำเว็บไซต์ของเรา

Control System

สิ่ง ที่คุณจะได้รับหลังจากที่ได้ดำเนินการสมัครใช้บริการ Hosting เรียบร้อยแล้วก็คือ Control System ซึ่งมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการบริการจัดการในหลาย ๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ E-mail การบริหารจัดการฐานข้อมูล การบริหารจัดการไฟล์ การบริหารจัดการ Domain ด้วย Control System ทำให้เรื่องของการบริหารจัดการดังกล่าวเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น นอกจากนี้ในการสร้างเว็บไซต์ด้วย CMS Joomla คุณจำเป็นต้องศึกษาการใช้งาน Control System ให้เกิดความเข้าใจ จะทำให้การสร้างเว็บไซต์เกิดปัญหาน้อยลง จากที่ได้เกริ่นนำมาพอสมควรแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า Control System มีอะไรที่เราจะต้องศึกษากันบ้าง ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าระบบ Control System ที่จะแนะนำนี้เป็น Opensource ที่เรียกว่า VHCS ซึ่งยังมี Control System อื่น ๆ อีกขึ้นอยู่กับว่า ผู้ให้บริการ Hosting นั้น ๆ จะใช้ระบบอะไร โดยยังสามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ Hosting นั้น ๆ ครับ

เริ่มจากเช็ค E-mail ที่ทางผู้ให้บริการ Hosting ส่งรายละเอียดมาให้เรา จะมี URL สำหรับเข้าสู่ Control System จากนั้นเปิด WebBrowser อาจจะเป็น Internet Explorer หรือ Mozilla firefox ก็ได้ จากนั้นพิมพ์ URL ลงในช่อง Address ตามตัวอย่างในภาพด้านล่างครับ

จะ ปรากฎหน้าเว็บสำหรับเข้าสู่ระบบ ให้กรอก Username ที่ได้จากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งลงไป เช่น youredoman.com และช่อง password กรอกรหัสผ่านที่ได้จาก ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งเช่นเดียวกัน

หลังจากกรอก Username และ Password เรียบร้อยแล้วจะปรากฎหน้าเว็บเพจสำหรับบริหารจัดการเว็บไซต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ฺGeneral information

เป็นส่วนที่ใช้ในการเช็ครายละเอียดต่าง ๆ เขาเรา

Overview เป็นส่วนที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับ packet ที่เราใช้บริการว่าสามารถใช้อะไรได้บ้าง และจำนวนเท่าใด เช่น ใช้ภาษา PHP, CGI, SQL สามารถสร้างโดเมนย่อย ๆ ได้จำนวนเท่าใด สร้างบัญชีอีเมลล์ได้แค่ไหน หรือ สร้างบัญชีสำหรับ ftp ได้เท่าใด เป็นต้น

Traffic usage บอกถึงปริมาณการใช้เส้นทางการสื่อสารของเว็บเรา ซึ่งจะถูกจำกัดโดยผู้ให้บริการโฮสติ้งตาม packet ที่เราสมัคร

Disk usage บอกถึงปริมาณการใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ว่าเราใช้ไปและยังเหลืออยู่เท่าไหร่

การเลือก Hosting สำหรับเว็บไซต์ของเรา

หาก คุณเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบการเขียนเว็บไซต์ แน่นอนครับคุณจำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ๆเรียกว่า Hosting ในการติดตั้งเว็บไซต์ของคุณ จากประสบการณ์ที่เคยใช้งาน Hosting มาพอสมควร วันนี้เลยถือโอกาสแนะนำการเลือก Hosting เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของคุณครับ เพราะการเลือก Hosting ที่ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

1. มีบริการแก้ปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง แน่นอนครับฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ Hosting ที่ดีควรมีบริการนี้ เพราะ Webmaster แต่ละคนมีเวลาว่างไม่เหมือนกัน บางคนอาจว่างกลางวัน แต่ในขณะที่บางคนต้องเขียนเว็บไซต์ในเวลากลางคืน หากมีบริการนี้ย่อมทำให้เราอุ่นใจได้

2. มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี ลองคิดดูซิว่าหากเรานั่งทำเว็บไซต์กันมาเป็นเวลานาน แล้วจู่ ๆ เครื่อง Server เจ้ากรรมดันเกิดปัญหา เช่น อุปกรณ์เสียหาย แล้วข้อมูลที่เราอุตส่าห์ทุ่มเทสร้างมาเกิดพังไปกับ Server เครื่องนั้นคงไม่ดีแน่นอน เพราะฉะนั้นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งในการเลือก Hosting ที่ดีนั้นต้องดูเรื่องระบบสำรองข้อมูลด้วย

3. เช็ครายละเอียดการรองรับภาษาต่าง ๆ ให้ดีก่อนเลือกใช้บริการ โดยเฉพาะคุณ ๆ ที่ใช้ CMS ในการสร้างเว็บไซต์ อย่างหนึ่งที่ควรตระหนักให้จงดีคือ CMS ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันล้วนแล้วแต่เป็น Opensource เพราะฉะนั้นหากใช้บริการ Hosting ที่เป็น Linux ย่อมเป็นการดี เพราะราคาถูก และสามารถเข้ากันได้ดีกับ CMS ที่เราใช้

4. เลือก Hosting ที่พร้อมจะช่วยแก้ปัญหาของเราได้ ไม่ใช่บอกว่าปัญหาของคุณเราไม่สามารถแก้ให้ได้เพราะเราดูแลแต่ Server ให้ทำงานได้อย่างไม่ติดขัดเท่านั้น อันนี้หากพลาดพลั้งเลือกไปแล้วก็ต้องทำใจครับ โอกาสต่อไปก็ไม่ต้องไปใช้บริการอีก จะได้ไม่ปวดหัวครับ

5. เลือก Hosting ที่มีความน่าเชื่อถือ ดูได้จากบริการเครื่อง Server ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปริมาณลูกค้าของเขาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหากลูกค้าของเขามีผู้ใช้บริการที่เป็นบริษัทใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงหลาย ๆ บริษัท ก็ยิ่งน่าใช้ครับ เพราะอย่างน้อยก็มีคนเก่ง ๆ มาช่วยกลั่นกรองให้เราอีกทางหนึ่ง

6. มีระบบ Control System ที่น่าเชื่อถือ และสามารถใช้งานได้ง่าย ถ้าจะให้ดีควรมีคู่มือบรรยายวิธีการใช้ Control System ของเขาด้วยจะเป็นการดีมากครับ หากยังไม่ค่อยเข้าใจว่า Control System คืออะไร ขออธิบายเพิ่มเติมอีกสักนิดครับ... Control System คือระบบที่สร้างขึ้นเพื่อบริหารจัดการ Hosting ที่เราเช่ามาครับ ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการสร้าง Account สำหรับ Upload ไฟล์เราก็ต้องสร้างด้วย Control System ซึ่งผู้ให้บริการ Hosting แต่ละรายก็จะใช้ระบบแตกต่างกัน และเรียกชื่อแตกต่างกันด้วยครับ หากต้องการปรึกษาเกี่ยวกับ Control System สามารถส่ง E-mail มาปรึกษาได้ครับ

สำหรับวันนี้ในเรื่องของการเลือก Hosting คงเขียนแค่พอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนครับ เท่านี้ก็คงพอจะมีแนวทางในการเลือก Hosting ของคุณแล้วนะครับ

Domain Name คืออะไร

ชื่อโดเมน (Domain Name) คืออะไร

หากจะพูดอย่าง ง่ายๆ แล้ว ชื่อโดเมนนั้นก็คือ ชื่อที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการอ้างอิงที่อยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แทนการใช้เลขหมายไอพี (IP Address) นั่นเอง โดยเลขหมายไอพีนั้น ถูกใช้ในการ อ้างอิงที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่าย เปรียบได้กับเลขที่บ้านในโลกปกติ แต่ปัญหาก็คือ การจำตัวเลขนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขที่มีความยาวมากๆ อย่างเลขหมายไอพี จึงมีการคิดค้นที่จะใช้ชื่อโดเมนแทน และให้ชื่อโดเมนนี้ เป็นตัวชี้ไปยังเลขหมายไอพีอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นแทนที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องจำและพิมพ์เลขหมายไอพีของเครื่องซึ่ง เป็นที่ตั้งของเว็บไซต์ เข้าไปที่ช่อง location หรือ address ในโปรแกรม web browser เพื่อเรียกดูเว็บไซต์นั้นๆ ผู้ใช้ก็เพียงแต่จำ และพิมพ์ชื่อโดเมนแทน ตัวอย่างเช่น ชื่อโดเมนของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติคือ nectec.or.th ส่วน www ที่ใส่ไว้หน้าชื่อโดเมน ทำให้กลายเป็น www.nectec.or.th เมื่อพิมพ์เข้าไปที่ web browser นั้น เป็นการระบุชื่อเครื่อง (host) ที่อยู่ภายใต้ชื่อโดเมนนั้นๆ

ประเภทของชื่อโดเมน

โดยรวมแล้ว เราสามารถแยกประเภทของชื่อโดเมนบนอินเทอร์เน็ตได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
• Generic Top Level Domain (gTLD) หมายถึงชื่อโดเมนสากล คือไม่ระบุสัญชาติ เช่น .com .org .net เป็นต้น ซึ่งตัวอักษรหลังจุดเหล่านี้ สามารถบ่งถึงประเภทของหน่วยงานที่เป็นเจ้าของชื่อโดเมนนั้นๆ ได้ เช่น ถ้าลงท้ายด้วย .com ก็มักจะเป็นหน่วยธุรกิจ .org ก็มักจะเป็นองค์กรที่ไม่มุ่งผลกำไร เป็นต้น

• ountry Code Top Level Domain (ccTLD) หมายถึงชื่อโดเมนประจำสัญชาติ เช่น .th ของไทย .jp ของญี่ปุ่น .fr ของฝรั่งเศส เป็นต้น ในปัจจุบันมีชื่อโดเมนประจำสัญชาติอยู่ประมาณ 240ประเทศ โดยแต่ละประเทศมีสิทธิที่จะพิจารณาแบ่งประเภทของชื่อโดเมนประจำสัญชาติของตน ออกเป็นประเภทย่อยๆ อีกหรือไม่ก็ได้ และสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ในการขอจดทะเบียนชื่อโดเมนของชาติตนได้เองด้วย เช่นอาจจำกัดสิทธิให้เฉพาะหน่วยงานหรือประชาชนในประเทศตนเท่านั้น หรือเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างชาติหรือคนต่างชาติขอจดด้วยก็ได้ ในกรณีของประเทศไทยมีการแบ่งประเภทของชื่อโดเมน .th ออกเป็นอีก 7 ประเภทย่อยคือ
.co.th สำหรับหน่วยธุรกิจ
.or.th สำหรับองค์กรไม่มุ่งผลกำไร
.ac.th สำหรับสถาบันการศึกษา
.net.th สำหรับหน่วยงานที่ให้บริการเครือข่าย
.go.th สำหรับหน่วยราชการ
.mi.th สำหรับหน่วยงานทหาร
.in.th สำหรับบุคคลทั่วไปและอื่นๆ

และ THNIC ซึ่งเป็นหน่วยงานรับจดทะเบียนชื่อโดเมนสัญชาติไทย ระบุที่จะจำกัดสิทธิการขอจดทะเบียนชื่อโดเมนภายใต้ .th ให้แก่เฉพาะหน่วยงานที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือคนไทยเท่านั้น

ระดับของชื่อโดเมน

ชื่อ โดเมนนั้นมีหลายระดับ ซึ่งการแบ่งประเภทของชื่อโดเมนเป็น 2 กลุ่มข้างต้น คือ gTLD และ ccTLD นั้น เป็นการแบ่งโดยพิจารณาที่ชื่อโดเมนลำดับที่ 1 หรือ Top Level Domain นั่นเอง เพื่อประกอบการอธิบาย ขอให้พิจารณาชื่อโดเมน ntl.nectec.or.th ซึ่งเป็นชื่อโดเมนของหน่วยปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย (Network Technology Lab) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของเนคเทคในกรณีนี้ ลำดับของชื่อโดเมนเป็นดังต่อไปนี้

ชื่อโดเมนลำดับที่ 1 คือ th ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นชื่อโดเมนสัญชาติไทย
ชื่อโดเมนลำดับที่ 2 คือ or ซึ่งบ่งให้รู้ว่าเป็นชื่อโดเมนขององค์กรไม่มุ่งผลกำไร
ชื่อโดเมนลำดับที่ 3 คือ nectec ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นชื่อโดเมนของเนคเทค
และชื่อโดเมนลำดับที่ 4 คือ ntl ซึ่งระบุว่าเป็นชื่อโดเมนของของหน่วยปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย


เมื่อ พิจารณาทั้งหมด ก็จะได้ความหมายว่า ntl.nectec.or.th เป็นชื่อโดเมนของของหน่วยปฏิบัติการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย ของเนคเทค ซึ่งเป็นองค์กรไม่มุ่งผลกำไร สัญชาติไทย สรุปโดยง่ายก็คือเมื่อจะพิจารณาลำดับของชื่อโดเมน ก็ให้ไล่จากขวามาซ้ายนั่นเอง จำนวนของชื่อโดเมนที่มีการจดทะเบียนในแต่ละประเทศ เป็นดัชนีตัวหนึ่งที่มักถูกใช้ในการพิจารณาความเจริญเติบโตของอินเทอร์เน็ต ในประเทศนั้น ในกรณีของประเทศไทย เนื่องจากมีการแยกย่อยชื่อโดเมนสัญชาติไทย ออกเป็น 7 ประเภทดังกล่าวข้างต้น ทำให้การรับจดทะเบียน เป็นการรับจดชื่อโดเมนลำดับที่ 3 ซึ่งจำนวนชื่อโดเมนลำดับที่ 3 ภายใต้สัญชาติไทย ตามข้อมูลการจดทะเบียนของ THNIC มีแสดงอยู่ในเว็บไซต์นี้

อ้างอิง : http://www.nectec.or.th/pld/indicators/documents/nitc/I-domain.pdf

อยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเองต้องเริ่มอย่างไร (ตอนที่ 2)

เมื่อคราวที่แล้วผมไ้ด้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการสร้างเว็บไซต์ ไปจำนวน 4 หัวข้อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญทั้งสิ้น สำหรับภาษา PHP และ SQL นั้นหากบางคนบอกว่าไม่อยากศึกษา ผมก็ต้องบอกว่า ศึกษาเถอะครับ นิดนึงก็ยังดี ให้รู้ว่าทั้งสองภาษานี้ทำหน้าที่อย่างไร ไม่ต้องเจาะลึกมากก็ได้ สำหรับวันนี้เรามาต่อกันในส่วนที่เหลือครับ

5. Domain name ก็ คือชื่อเว็บไซต์ที่เราต้องการเช่น www.ninetechno.com เป็นต้น สามารถจดทะเบียน Domain name ได้จากเว็บที่ให้บริการ แต่มีข้อแนะนำคือควรจดทะเบียน Domain name กับผู้ให้บริการ Hosting ไปเลย ทั้งนี้เพื่อความรวดเร็วในการ Setup ระบบ และการต่ออายุโดเมนด้วยครับ

6. Hosting คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ที่มีการแบ่งพื้นที่ให้วางไฟล์ นั่นหมายความว่า เมื่อเราสร้างเว็บไซต์ของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจำเป็นจะต้องนำไฟล์ที่เราสร้างเสร็จแล้วไปไว้บน Hosting ที่เราได้เช่าไว้ โดยผู้ให้บริการ Hosting จะกำหนดพื้นที่ในการให้เช่า ถ้าให้พื้นที่มากราคาก็จะสูง แต่ถ้าพื้นที่น้อยราคาก็จะถูกกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง นั้น ๆ ด้วย ถ้าติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux ราคาก็จะถูกกว่า ระบบปฏิบัติการ Windows

7. เครื่องมือในการติดตามผู้เข้าใช้บริการเว็บไซต์ของเรา ซึ่ง ปัจจุบันมีอยู่มากตัวอย่างเช่น ตัวนับจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ พร้อมรายงานสถิติต่าง ๆ สำหรับเครื่องมือที่แนะนำให้ใช้คือ Google Anlaytics เพราะเป็นเครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด หากเราไม่มีเครื่องมือเหล่านี้แล้ว เราก็จะไม่สามารถทราบได้เลยครับ ว่าเว็บไซต์ของเรามีใครเข้ามาเยี่ยมชมบ้าง และรายละเอียดต่าง ๆ เป็นอย่างไร

อยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเองต้องเริ่มอย่างไร (ตอนที่ 1)

หากเราต้องการสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง สิ่งที่คุณควรจะต้องมีจะขอกล่าวเป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. ความรู้ในภาษา HTML แน่นอนครับปัจจุบันมีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง เว็บไซต์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Software หรือจะเป็น CMS ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้การสร้างเว็บเพจ ทำได้เร็วขึ้น แต่เบื้องหลังของการทำงานของหน้าเว็บเพจก็ยังคงใช้ภาษา HTML ในการสร้าง ผมไม่ได้บอกว่าคุณต้องเรียนภาษา HTML อย่างเอาเป็นเอาตายเพียงแต่ต้องการจะบอกว่าหากคุณรู้และเข้าใจโครงสร้าง และการทำงานของภาษา HTML แล้ว จะทำให้การสร้างเว็บเพจของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ไหน ๆ ก็คิดจะสร้างเว็บไซต์เองอยู่แล้ว แค่ศึกษาภาษา HTML อีกนิดหน่อยจะเป็นไรไปครับ เอาแค่โครงสร้างและคำสั่งที่ใช้บ่อย ๆ ก็พอครับ ลองไปดูที่ link นี้ก็ได้ครับ http://www.kr.ac.th/trirat/html/menu.html หรือ http://www.older.thaicreate.com/index.php?modules=tutorphp.php หรือ จะค้นหาจาก Googleโดยใช้คำสำหรับค้นหาคือ html แล้วคลิ๊กเลือกหน้าที่เป็นภาษาไทย แล้วกดปุ่มค้นหา ก็จะได้เป็นไซต์ที่อธิบายเกี่ยวกับภาษา html มากมายครับ แล้วแต่จะเลือกอ่านเอาเองก็แล้วกันครับ

2. ความรู้เกี่ยวกับภาษา PHP หรือ ASP หรือภาษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการสร้างเว็บไซต์นั้น หากเราสร้างด้วยภาษา html เพียงอย่างเดียวก็เปรียบเสมือนเราพิมพ์งานลงบนกระดาษ 1แผ่น ที่เราสามารถใสตัวหนังสือ และรูปภาพลงบนกระดาษใบนั้น แน่นอนครับทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ถ้าหากคุณพอใจการสร้างเว็บเพจหน้านั้นของคุณก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อยแ้ล้ว แต่สำหรับคนที่คิดจะเป็น Webmaster แล้ว การสร้างเว็บเพจด้วยภาษา HTML เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ใช่ส่ิงที่ดีแน่ เพราะเว็บไซต์ของเราจะไม่สามารถทำงานโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องมีความรู้ในเรื่องของภาษาคอมพิวเตอร์อีก 1 ภาษานั่นก็คือ PHP เหตุผลที่ผมเลือกเอา PHP มานำเสนอนั้นเพราะ PHP เป็นภาษาที่ CMSส่วนใหญ่ใช้เนื่องจากเป็น Software ที่ไม่มีค่าลิขสิทธิ์แต่อย่างใด สำหรับเว็บไซต์ที่สอนภาษา PHP นั้นมีมากมายขอยกตัวอย่างสักหนึ่งเว็บก็แล้วกันครับ http://www.thaicreate.com/php.html เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อไป

3. ความรู้เกี่ยวกับระบบการจัดการฐานข้อมูล อ่าน บทความนี้มาเรื่อย ๆ เริ่มไม่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเองแล้วใช้ไหมครับ ก็จริงอยู่ครับการสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่พอเริ่มลงมือปฏิบัติจริง ๆ แล้ว จะเห็นว่ามันมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาอยู่พอสมควรครับ ที่ผมเขียนบทความนี้ก็เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตื่นตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนว่าถ้าคิดจะทำเว็บไซต์ด้วยตัวเราเองแล้วต้องศึกษาเรื่องพวกนี้พอสมควร ... ไปกันต่อเลยครับ การสร้างฐานข้อมูลนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เ้ข้าใจได้ยาก ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นให้คุณนึกถึงตารางเก็บข้อมูลต่าง ๆ ฐานข้อมูลก็ทำงานแบบนั้นครับคือเป็นตาราง แต่ฐานข้อมูลมีข้อดีคือ ตารารงแต่ละตารางที่เกี่ยวข้องกันจะเชื่อมต่อกัน เมื่อเราเพิ่ม แก้ไข หรือ ลบข้อมูล สามารถทำได้ที่ตารางที่เรากำหนด ตารางอื่น ๆ ก็จะมีผลเปลี่ยนแปลงไปด้วย สำหรับภาษาในการจัดการฐานข้อมูลคือภาษา SQL และภาษา SQL ที่แนะนำคือ MySQL เนื่องจาก CMS ส่วนใหญ่นิยมใช้ MySQL ในการบริการจัดการฐานข้อมูล ครับ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaicreate.com/php/php-mysql.html

4. ความรู้เกี่ยวกับรูปภาพ และ Multimedia ต่าง ๆ เพราะ บนเว็บเพจต่าง ๆ นั้นเกิดจากการนำตัวหนังสือ และรูปภาพมารวมกัน ทำให้เกิดหน้าเว็บเพจขึ้น สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือความรู้เกี่ยวกับรูปภาพที่นำมาใช้ในการสร้างเว็บเพจ สำหรับรูปภาพนั้นก็จะมีไฟล์นามสกุลต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการสร้างเว็บเพจเช่น .jpg .png .gif เป็นต้น สำหรับในส่วนของ เสียง และ วีดีโอนั้น ก็จะต้องมีความรู้ในเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะการจะสร้างเว็บให้น่าสนใจนั้นหากมีเสียง และ วีดีโอ ประกอบก็จะทำให้เว็บไซต์ น่าสนใจมากขึ้น

สำหรับบทความนี้ ขอเขียนเป็นหลายตอนหน่อยครับ เพราะเนื้อหาค่อนข้างมาก และเป็นเรื่องที่ควรศึกษาให้ดีก่อนการสร้างเว็บไซต์ เมื่อศึกษาแล้วก็จะทำให้การสร้างเว็บไซต์ของเราเป็นเรื่องที่ง่าย (จริงจริงครับ) โปรดติดตามตอนที่ 2 เร็ว ๆ นี้ครับ

เข้าใจหลักการของ Joomla

เข้าใจหลักการของ Joomla

สำหรับ คุณๆ ที่คุ้นเคยการสร้างเว็บไซต์ด้วย CMS จากค่ายอื่น เมื่อได้มาสัมผัสกับ Joomla ในระยะแรก อาจเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจก็ได้เนื่องจากไม่สามารถเดาได้ง่าย ๆ เลย ว่าอะไรทำงานอย่างไร ทำไมทำแล้วไม่ได้ดั่งใจซะที แต่เมื่อได้ศึกษาและเรียนรู้จนเกิดความเข้าใจ ทำให้ทราบว่า Joomla ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย รวมทั้งมีความสามารถในการเก็บรวบรวมสถิติต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ของเราโดยไม่ต้องกังวลกับการ เขียน Code มากมายนัก นอกจากนี้เมื่อเราเข้าใจหลักการของ Joomla เราก็สามารถประยุกต์ใช้ Joomla ในการทำเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้อย่างมากมายเพราะ Joomla มี Exetension ที่สามารถรองรับความต้องการของคุณ ได้อย่างแน่นอน ประกอบกับ Template ก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ต้องจ่ายสตางค์ หรือแบบบริการฟรี

สิ่งแรกที่ควรต้องรู้สำหรับ Joomla

1. ต้องเข้าใจรูปแบบการบริหารจัดการบทความ ขอยกตัวอย่างง่ายๆแล้วกัน ในการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาสักหนึ่งเว็บสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมอย่างแน่นอน นั่นก็คือเนื้อหาของเว็บไซต์นั้น ๆ ใช่ไหมครับ และแน่นอนคุณก็จะต้องมีการแบ่งแยกเนื้อหาออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถสร้างเป็น เมนู หรือ เชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บเพจที่มีการจัดหมวดหมู่เอาไว้ เพื่อให้ง่ายในการบริหารจัดการใช่ไหมครับ Joomla ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงได้ออกแบบการจัดการบทความต่าง ๆ ออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทำเว็บ ขอยกกรณีศึกษาดังนี้

หากคุณต้อง การทำเว็บไซต์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื้อหาที่คุณต้องเตรียมหลักๆ ก็คือคอมพิวเตอร์ โดยถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นหัวข้อหลัก นอกจากนั้นคุณก็อาจจะแบ่งหัวข้อออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถเขียนบทความ และจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ได้ โดย Joomla ได้ออกแบบการจัดเก็บดังกล่างในรูปของ Section และ category เพื่อให้สามารถบริหารจัดการบทความได้ง่าย จากกรณีศึกษานี้ กำหนดใ้ห้ computer เป็น section จากนั้น กำหนดให้ Hardware เป็น category แน่นอนครับ คุณสามารถสร้าง category ได้ตามความต้องการเพราะบทความเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ย่อมต้องมีทั้ง Hardware Software ฯลฯ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราว่าต้องการจะสร้าง category สักเท่าใด ยกตัวอย่างตามภาพด้านล่าง

และ แน่นอนครับ เมื่อคุณเขียนบทความสิ่งที่คุณต้องทำคือ เลือกว่าต้องการให้บทความอยู่ใน section ใด จากนั้นก็เลือกว่าต้องการให้บทความอยู่ใน category ไหน คุณจะต้องทำแบบนี้กับทุก ๆ บทความที่คุณเขียน เพราะเป็นการจัดหมวดหมู่ให้กับบทความ คุณสามารถสร้าง section และ category เท่าไหร่ก็ได้ตามความต้องการของคุณ

2. เตรียมไฟล์ต่าง ๆ ให้พร้อม เช่น ไฟล์รูปภาพ วีดีโอ เสียง เอกสาร มีข้อแนะนำคือ ก่อนจะสร้างเว็บไซต์ด้วย Joomla คุณควรจะสร้างโฟลเดอร์ที่แบ่งแยกประเภทไว้ให้พร้อมเช่น อาจจะกำหนดเป็น โฟลเดอร์สำหรับเก็บรูปภาพ โฟลเดอร์สำหรับเก็บวีดีโอ โฟลเดอร์สำหรับเก็บบทความ เพราะเมื่อเราจำเป็นต้องย้ายข้อมูล หรือเปลี่ยนโฮสติ้งจะได้ไม่เกิดปัญหาและส่ิงที่ควรรู้เกี่ยวกับรูปภาพอีก อย่างก็คือ ถึงแม้ว่าเราจะสามารถพิมพ์ข้อความได้เหมือนกับการใช้โปรแกรมพิมพ์เอกสารโดย ทั่ว ๆไป แต่เราก็ยังต้องมีการการหนด path ให้กับรูปภาพ ตามหลักการของภาษ HTML อยู่ดี จะขอกล่าวถึงในบทความต่อไปแล้วกันครับ สำหรับหัวข้อนี้

3. รู้จักกับ Template สำหรับ Joomla แล้ว การเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรครับ เพราะมีผู้สร้าง Template ให้เราสามารถ Download ได้ฟรี และนำมาใช้งานได้ง่าย เพียงแค่ติดตั้งและเลือก Template ที่ต้องการ นอกจากนี้ส่ิงที่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมคือ การวางตำแหน่งของ Template ต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถวางตำแหน่งของโมดูลต่าง ๆ และเพื่อสามารถปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ ได้ตามความต้องการ สำหรับ Template ของ Joomla นั้น เรามีบริการให้ Download โดยคลิ๊กที่ link http://www.ninetechno.com/htm/download/section/1-joomla

4. Joomla Extension ส่ิงที่ทำให้ Joomla เป็น CMS ที่น่าใช้งานอย่างมากก็คือ Joomla มี Extension เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความสามารถสูงขึ้น ทั้งนี้ Extension แต่งละตัวนั้นก็มีความสามารถ และรูปแบบการติดตั้งที่แตกต่างกัน ก่อนนำไปใช้งานจริงควรมีการทดสอบให้เรียบร้อยก่อน โดยสามารถ Download Extension ของ Joomla ได้ที่ http://extensions.joomla.org/

การบริหารจัดการ Joomla ด้วยสิทธิ์ Admin

สำหรับการบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งภาษา การเพิ่มหรือลดโมดูล การปรับเปลี่ยน Template ฯลฯ ล้วนแล้วแต่จัดทำในด้านหลังของเว็บไวต์ทั้งสิ้น สำหรับ link ที่จะเข้าไปในส่วนของ Admin ให้เปิดโปรแกรม Web Browser ขึ้นมา จากนั้นพิมพ์ url ที่เราได้ทำการติดตั้ง Joomla ลงไป เพียงแต่เิพิ่มคำว่า Administrator ลงไป ยกตัวอย่างเช่น http://www.testweb/html/administrator สำหรับภาพตัวอย่างด้านล่างเป็นการเข้าสู่ระบบภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่บนโฮสติ้ง จึงใช้คำว่า localhost

เมื่อเข้าสู่หน้าบริหารจัดการของ Admin เรียบร้อยแล้ว ก็ให้กรอก Username และ Password ให้ถูกต้อง จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Login

และเมื่อ Login ผ่าน ก็จะเข้าสู่หน้าบริหารจัดการเว็บไซต์ของ Joomla แล้วครับ

ติดตั้งภาษาไทยให้ joomla

สำหรับการติดตั้งภาษาไทยให้กับ Joomla นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนและ ภาษาไทยสำหรับ Joomla ก็มีในทุกรุ่น แต่ในบางครั้งอาจต้องรอ Update บ้าง เริ่มต้นจากการ Download ไฟล์สำหรับติดตั้งได้จาก http://joomlacode.org/gf/project/jtranslation/frs/?action=FrsReleaseBrowse&frs_package_id=385 ซึ่งลักษณะของเว็บไซต์ที่ใช้ Download ภาษาไทยสำหรับ Joomla มีลักษณะดังนี้

ภาษาไทยสำหรับ Joomla มีให้เลือก Download ใน 3 ลักษณะ คือ

Site หมายถึง ชุดติดตั้งภาษาไทยสำหรับหน้าเว็บ ซึ่งจะมีผลกับการแสดงหน้าเว็บ

Admin หมายถึง ชุดติดตั้งภาษาไทยสำหรับติดตั้งในหน้า Admin

Full หมายถึง ชุดติดตั้งภาษาไทยทั้งในส่วนของ หน้าเว็บ และส่วนของ Admin

ผม แนะนำให้เลือกเป็น Full กรณีที่คุณกำลังเริ่มศึกษา Joomla เพื่อประหยัดเวลา และเกิดปัญหาน้อยลง เมื่อ Download ไฟล์สำหรับติดตั้งภาษาไทยมาเรียบร้อยแล้วจะปรากฎ ไฟล์สำหรับติดตั้งดังภาพด้านล่าง

จากนั้ินคลิ๊กเมาส์ที่เมนู Extensions >Install/Uninstall

จะปรากฎหน้าสำหรับติดตั้งไฟล์ คลิ๊กที่ปุ่ม Browse

จะปรากฎหน้าสำหรับติดตั้งไฟล์ที่ Download ,า

คลิ๊กเลือกไฟล์ จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Open จะปรากฎ จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Upload File & Install

ซึ่งเมื่อถึงหน้านี้จะปรากฎข้อความ Install Language Success เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ