13 มิถุนายน 2552

High Speed Photography



















"พระจันทร์ยิ้ม" เหนือฟ้าเมืองกรุง

"พระจันทร์ยิ้ม" เหนือฟ้าเมืองกรุง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์1 ธันวาคม 2551 19:01 น.
หลาย คนคงพอทราบแล้วว่า คืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้ มีภาพปรากฎการณ์บนท้องฟ้าที่ไม่มีให้ชมกันบ่อยนัก แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์จึงบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่หลายค นขนานว่า "พระจันทร์ยิ้ม" มาฝาก

ภาพปรากฎการณ์ "พระจันทร์ยิ้ม" นี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่ง ชาติระบุว่า เป็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์ ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีอยู่ใกล้กัน (Conjunction of Moon, Venus and Jupiter) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 1 ธ.ค.นี้ โดยดาวศุกร์ และดาวพฤหัสบดีอยู่ห่างกันเพียง 2 องศา และดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยว หันด้านมืดเข้าหาดาวเคราะห์ทั้งสองพอดี ทั้งนี้ดาวศุกร์จะสว่างกว่าดาวพฤหัสบดีและอยู่เยื้อง ต่ำกว่าเล็กน้อย

ขณะที่ข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ไทยระบุว่า ดวงจันทร์ในคืนวันที่ 1 ธ.ค.51 นี้จะตกเวลา 20.46 น. ดังนั้นมีเวลามีไม่มากนักที่จะได้ชมปราฏการณ์ในคืนนี ้



(ภาพโดยอนุชิต นิ่มตลุง)




(ภาพโดยอนุชิต นิ่มตลุง)


































ส่วนอันนี้พระจันทร์ยิ้มแฉ่งเหนือฟากฟ้าจีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 ธันวาคม 2551 13:50 น.
ใบหน้ารูปยิ้มเหนือท้องฟ้าเมืองซีอัน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม
เป็น ที่ฮือฮาสุดๆ สำหรับบ้านเราเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อบนฟากฟ้ายามค่ำคืนปรากฏใบหน้ารูปคนยิ้มแฉ่งเห็น เด่นชัด อันเกิดจากการที่ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดี อยู่ห่างกันเพียง 2 องศา และดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยว หันด้านมืดเข้าหาดาวเคราะห์ทั้งสองพอดี นับเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หาดูได้ยาก ไม่เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่สามารถมองเห็นหน้ายิ ้มนี้ได้ ในประเทศจีนก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน – ไชน่าเดลี่


เมืองกว่างโจว ในมณฑลกว่างตง ทางใต้ของจีน



เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศ



ส่งยิ้มให้ที่เมืองหลิวโจว เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วง กว่างซี ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

ภูกระดึง

เมื่อตอนเด็กๆ ฉันมีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดทางภาคอีสาน และภาคใต้น้อยมาก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่เคยไปมาแล้ว ในครั้งนี้ มันเกิดจากการที่ฉัน ได้รู้จักกับ การถ่ายภาพนี่แหละ ก้อเลยทำให้มีความกล้า และความอยากรู้อยากเห็น อยากไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน

ภูกระดึง ฉันเคยไปมา 2 ครั้งแล้วล่ะ ในช่วงฤดูร้อน และฤดูฝน ฉันชอบป่าบนภูกระดึงมากๆ มันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าสน และต้นไม้มากมาย ฉันว่าภูกระดึงเป็นดินแดนเดียวที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากที่สุด เพราะว่าเปรียบเทียบดูจากเทือกเขาอันยาวเหยียดอื่นๆ ในระแวกขุนเขาเดียวกัน จะมียอดเขาตัดเรียบเกือบทุกลูกอย่างไม่น่าเชื่อ นับตั้งแต่ทิวเขาใหญ่ ภูเขียว ภูผาจิต ภูหอ เรื่อยไปจนกระทั่งถึง ภูหลวง โดยเฉพาะที่ "ภูกระดึง" จะมีสัณฐานบนยอดเขาตัดเรียบมากที่สุด

ในเช้าของทุกวันบนภูกระดึง ฉันและเพื่อนๆ ร่วมก๊วน จะต้องเดินไปที่ผานกแอ่นทุกวัน เพื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น และถ่ายมาโครตามรายทางตอนขากลับ ถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน พอเช้ามาฟ้าจะแดงสวยมาก สวยแบบไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสร้างสรร์คแสงสีที่สวยงามได้ถึงขนาดนี้ ฉันถ่ายรูปสนุกอย่างไม่เสียดายฟิล์มเลย


.
สำหรับจุดเด่น และสถานที่ท่องเที่ยวบนภู มีเยอะแยะมากมายเลยไม่ว่าจะทุ่งหญ้า ป่าเขา น้ำตก หรือหน้าผา เพียงแต่ว่ากว่าจะเดินไปแต่ละจุดได้นั้น ก้อต้องเสียเวลาเป็นวันทั้งขาไปและขากลับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากไปบ้าง ก้อน่าจะมีเวลาไม่น้อยกว่า 4 วันนะคะ จะได้เที่ยวได้ครบทุกจุด

ถ้าอยากไปดูอะไรๆ ที่หลากสีสัน หลากหลายพันธุ์ ในท้องทุ่งกว้างล่ะก้อ จะมีแบบทุ่งหญ้า "สะวันน่า" ที่อบอวล..ไปด้วยทุ่งดอกไม้อันแสนหวาน และบานสะพรั่ง หมุนเวียนสลับความงามอยู่ตามแมกไม้ใต้ป่าสน ให้ดูมีเสน่ห์อยู่ตลอดทุกฤดูกาล ทั้งๆที่การเดินทาง ขึ้นไปสัมผัส ณ ภูผาแห่งนี้ จะต้องเผชิญกับความยากลำบากตลอดการเดินเท้าก็ตาม
อ้อ.. แต่ว่าครั้งหลังที่ฉันไปมาเนี่ย มันมีทั้งเสลี่ยง และรถลากให้นั่งด้วยนะคะ เหมาะสำหรับผู้มีอายุ และเด็กเล็กๆ ที่เดินไม่ไหวน่ะนะ


ตลอดเส้นทางตามแนวป่าสนและทุ่งหญ้า จะพบเห็นพันธุ์ดอกไม้ป่านานาชนิดด้วยค่ะ โดยเฉพาะตามลุ่มน้ำขัง ลานดอกกระดุม ขึ้นปกคลุมเยอะแยะ เกิดเป็นภาพงามระยิบระยับ บนพื้นผิวน้ำที่ชวนให้หลงใหล เมื่อแรกพบเห็นจริงๆ นะคะ

และในบางเส้นทางที่มีสภาพชื้นแฉะ เรายังสามารถหาความงามของพืชคลุมดินได้ อย่างเช่น เมล็ดฟองหินเล็กๆออกดอกสีชมพูต่างๆ เลยไปถึงหยาดน้ำค้าง หรือหญ้าน้ำค้างที่มักจะอยู่ตามกอหญ้าบนลานหินทราย บานเป็นแว่นกลมๆไล่ติดกับพื้นดินสีดำ มีลักษณะดอกเป็นยางเหนียวส่วนปลายก้าน เพื่อดึงดูดให้เหล่าแมลงมาติดกับดัก นับเป็นความพิศวงในธรรมชาติที่น่าสนใจอย่างมากเลยค่ะ เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะถ่ายมาโครละก้อ ต้องดูซ้ายดูขวาให้ดีๆ นะคะ เพราะทากมันก้อตื่นกันแต่เช้าเหมือนกัน

นอกจากนั้น ตามโขดหินทั่วๆไป ยังเต็มไปด้วยไลเคนต่างๆ วาดสีสันตัวเองไปตามลานแผ่นหินอย่างไม่น่าเชื่อ รวมทั้งกล้วยไม้ป่าที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเอื้องม้าวิ่งที่กำลังแตกดอกออกเป็นสีแดงจัด ตัดกับพื้นหญ้ามอสสีเขียวสด ดูเป็นความงามที่ธรรมชาติสมบูรณ์เต็มที่ แต่พรรณไม้ต่างๆก็มีมากมายเกินกว่าที่จะชื่นชมได้หมดนะคะ เพราะเวลามีจำกัด

ความเยือกเย็นในยามเช้าตรู่ของวันใหม่ ทุ่งหญ้าพรมพร่างไปด้วยหยาดน้ำค้างงามจับตา และถ้ามองจากทุ่งกว้างไปทางด้านทิศเหนือ ก็จะเห็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่แนวป่าปิด ที่เป็นเส้นทางสายน้ำตก นับตั้งแต่ น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ ไปจนกระทั่งถึงน้ำตกถ้ำใหญ่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากลำธารหลายสาย หลั่งไหลสร้างความชุ่มฉ่ำชอุ่มงาม ตามรอยต่อของแนวป่าทึบกับท้องทุ่งหญ้า และอีกเส้นทางหนึ่งตั้งแต่น้ำตกพระองค์ ผ่านน้ำตกถ้ำสอใต้ไปจนสุดทางที่ถ้ำสอเหนือ

ตลอดเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามแนวป่าทึบ ทำให้สามารถพบพันธุ์พืชชั้นต่ำต่างๆมากมายเช่น ดอกเห็ดสีแดงสด ปะปนกับใบไม้แห้ง เมื่ออุณหภูมิทั่วไปต่ำเย็นยะเยือกอยู่นั้น แมกไม้ป่าชนิดหนึ่งจะเริ่มเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ตามมาก็คือ ความงามของดงเมเปิ้ลหรือไฟเดือนห้าในป่าดิบ ที่ถึงวันเวลาผลัดใบกลายเป็นป่าเปลี่ยนสี ในช่วงนั้นต้นเมเปิ้ลจะปลิดใบทิ้งร่วงหล่นเกลื่อนกลาดปกคลุมตามพื้นดินสีแดงฉานไปหมด เป็นภาพที่สร้างความประทับใจบนเส้นทางสายน้ำตกในช่วงนี้อย่างมากเลยค่ะ

เที่ยวตามแนวหน้าผา.. เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไป จากแนวหน้าผานกแอ่น ทางด้านทิศตะวันออก
ที่นี่จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง บนภูกระดึง และเรื่อยไปจนถึงด้านทิศตะวันตกตามเส้นทางเลียบไปตามหน้าผา โดยเดินตัดผ่านไปยังที่ทำการอุทยานฯ "ผาหมากดูก"แห่งใหม่ หรือถ้าจะใช้อีกเส้นทางหนึ่ง โดยไปเริ่มต้นกันที่ลานพระพุทธรูปสู่แนวหน้าผาก็ได้เช่นกัน เพียงแต่เดินลัดทุ่งหญ้าเข้าไปเรื่อยๆ ตลอดทางจะเห็นแนวป่าสนภูเขาเรียงรายโดดเด่นอยู่กลางทุ่งโล่งเป็นทิวแถวสวย งามไปสุดสายตา ตลอดเส้นทางจะได้สัมผัสแนวหน้าผานับสิบแห่ง เช่นที่ผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง ฯลฯ จนกระทั่งถึงผาหล่มสัก

สำหรับการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึงนั้น มีดังนี้ ค่ะ

- เดินทางโดยทางรถไฟ ไปลงที่ขอนแก่นแล้วโดยสารรถประจำทางต่อไปยังอุทยานฯ ซึ่งจากจุดนี้จะต้องปีนเขาขึ้นสู่ยอดภูอีก 5 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าอีก 3 กิโลเมตรก็จะถึงที่พัก

- เดินทางโดยรถยนต์ โดยสารรถประจำทางสายกรุงเทพฯ-เลย ไปลงที่ผานกเค้า แล้วโดยสารรถสองแถวต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ ซึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเท้าสู่ยอดภู

- นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางทางเครื่องบินไปลงที่ขอนแก่น แล้วโดยสารรถต่อไปยังที่ทำการอุทยานฯก็ได้

ถ้าใครได้ไป ก้อนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ คิดถึงภูกระดึงจังเลยค่ะ