04 กรกฎาคม 2552

พระนางผมหอม

พระนางผมหอม

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่งทรงพระนามว่า “ แสนคำ ” ปกครองเมืองวาปีมาเป็นเวลาหลายปี พระองค์มีพระมเหสีทรงพระนามว่า “ คำแมน ” ทั้งสองพระองค์อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีรั ชทายาทสืบราชบัลลังก์ ดังนั้นพระราชินีจึงทำพิธีบวงสรวงขอบุตรกับเทวดา หลังจากประกอบพิธีแล้วพระราชินีก็ทรงพระครรภ์ และได้ให้กำเนิดธิดาพระนามว่า “ สีดา ”

ครั้นมีวัยได้ 15 พรรษา เจ้าหญิงสีดาก็เติบโตมีพระสิริโฉมงดงามกว่าหญิงใดในป ฐพี เมื่อถึงคราวที่นางจะได้พบเนื้อคู่ก็ทำให้รู้สึกกระว นกระวายพระทัยจนกระทั่งต้องทูลขออนุญาตจากพระมารดาออ กไปเที่ยวป่าเพื่อพักผ่อน

ขณะเดินเล่นอยู่อย่างเพลิดเพลินนั้น องค์หญิงและผู้ตามเสด็จก็มาพบยักษ์ตนหนึ่งไล่จับไพร่ พลกินเป็นอาหาร โชคดีที่องค์หญิงหนีมาได้และเข้าไปแอบอยู่ในโพรงไม้ต ้นหนึ่ง

หลังจากที่ยักษ์ไปแล้วองค์หญิงก็ออกตามหาไพร่พลแต่ก็ ไม่พบ ดังนั้นพระนางจึงต้องเดินทางไปตามลำพังโดยไม่รู้จุดห มายปลายทาง เมื่อรู้สึกหิวกระหายก็วักน้ำจากรอยเท้าโคตัวผู้ขึ้น ดื่มแต่น้ำในนั้นกลับทำให้คอแห้งมากขึ้นกว่าเดิม จึงหันไปวักน้ำจากรอยเท้าช้างขึ้นดื่มก็รู้สึกสดชื่น ขึ้นและออกเดินทางไปตามลำพัง และในที่สุดองค์หญิงก็สามารถเสด็จกลับพระนครด้วยความ ปลอดภัย

หลังจากการออกชมป่าได้ไม่นานเจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ โดยที่ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับชายใดเลย พระราชาพยายามซักไซ้เอาความจริงแต่ก็ไม่ได้ความอะไร เพราะองค์หญิงเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่านางทรงครรภ์ขึ ้นได้อย่างไร เมื่อครบกำหนด 10 เดือน นางก็ประสูติพระธิดาแฝด องค์โตมีนามว่า “ นางผมหอม ” ส่วนองค์เล็กมีนามว่า “ นางลุ้น ”

เมื่อพระธิดาทั้งสองเจริญวัยขึ้นก็มีพระสิริโฉมงดงาม เช่นเดียวกับพระมารดา อยู่มาวันหนึ่งพระธิดาทั้งสองนึกถึงพระบิดาซึ่งทั้งส องก็ไม่เคยเห็น ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจออกตามหาผู้เป็นบิดาในป่า

หลังจากเดินป่าอยู่เป็นเวลาหลายวันแล้ว พระธิดาฝาแฝดก็มาพบพญาช้างดุร้ายเชือกหนึ่งต้องการจะ ทำร้ายทั้งสองพระองค์ ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องอ้อนวอนขอชีวิต และบอกจุดประสงค์ของการเดินทางมาในบริเวณนี้


พญาช้างเกิดสงสัยว่าฝาแฝดคู่นี้อาจจะเป็นบุตรสาวของต น จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า
เฉพาะผู้ที่เป็นทายาทของตนเท่านั้นจึงจะสามารถปีนงาข ึ้นมานั่งบนหลังของตนได้
จบคำอธิฐานก็ปรากฏว่าเฉพาะนางผมหอมเท่านั้นที่สามารถ ปีนขึ้นไปได้ ส่วนนางลุ้นตกลงมาเสียชีวิตทันที พญาช้างสารจึงนำนางผมหอมไปยังที่อยู่ของตนและเลี้ยงด ูนางอย่างลูกสาว


นางผมหอมใช้ชีวิตอยู่ 5 ปี ภายใต้การดูแลของพญาช้างผู้เป็นบิดา เมื่ออายุครบ 20 ปี ก็นึกอยากจะพบปะผู้คนบ้าง ดังนั้นนางจึงนำผมของนางซึ่งมีกลิ่นหอมใส่ลงในผอบ

พร้อมทั้งจารึกข้อความชักชวนให้ผู้ที่เกิดมาเป็นเนื้ อคู่ของนางได้พบนางแล้วก็ลอยผอบนั้นลงในแม่น้ำ
ผอบ นั้นก็ลอยไปตามน้ำจนถึงเมืองรัตนาแต่ก็ไม่มีใครสา มารถจะหยิบขึ้นมาได้เพราะผอบลอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ข่าวการพบผอบประหลาดไปถึงพระกรรณของพระเจ้าแพงคำและพ ระองค์ก็สามารถหยิบผอบขึ้นมาพร้อมทั้งได้อ่านข้อความ ที่จารึก

พระองค์มีพระทัยเสน่หาในเจ้าของเส้นผมที่ส่งกลิ่นหอม นั้นทันที และทรงตัดสินพระทัยออกตามหานางผมหอม


ครั้นเสด็จมาถึงต้นแม่น้ำพระองค์ก็พบรอยเส้นผมตกอยู่ ก็ทรงทราบทันทีว่าเสด็จมาถูกทางแล้วจึงแอบซ่อนและรอเ วลาที่นางผมหอมออกมาอาบน้ำในแม่น้ำ ทันทีที่เห็นนางพระองค์ก็เปิดเผยตนเอง ทั้งคู่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบและแอบอยู่ด้วยกันฉันสา มีภรรยาโดยไม่ยอมบอกให้พญาช้างผู้เป็นบิดาทราบ ถึงแม้ว่าพญาช้างจะมีความสงสัยในตัวลูกสาวเพราะได้กล ิ่นมนุษย์แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมบอกความจริง

หลังจากแอบอยู่ด้วยกัน 3 ปีแล้ว ทั้งคู่ก็ตัดสินใจต่อสู้ความจริงและบอกให้พญาช้างทรา บพร้อมทั้งขอขมา พญาช้างรู้สึกเสียใจที่ลูกสาวไม่ยอมบอกให้ตนทราบเลย และล้มเจ็บลงหลังจากทราบอีกว่าลูกสาวกำลังจะจากไปเพื ่อใช้ชีวิตอยู่กับผู้เป็นสามีของนาง ก่อนสิ้นลมหายใจพญาช้างได้อบรมสั่งสอนให้ลูกสาวเป็นภ รรยาที่ดี และทำหน้าที่ภรรยาให้สมบูรณ์ แล้วก็สิ้นลมหายใจในขณะมีน้ำตาคลอ ทั้งคู่รู้สึกสลดใจและกราบลาเป็นครั้งสุดท้าย บัดนั้นเองงาข้างหนึ่งของพญาช้างก็กลับกลายเป็นเรือ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็กลับกลายเป็นพาย พระเจ้าแพงคำจึงนำนางผมหอมขึ้นเรือแล้วพายไปสู่พระนค รของพระองค์

หลังจากเสด็จมาถึงเมืองพระองค์ก็ทรงแต่งตั้งนางผมหอม เป็นพระมเหสีของพระองค์ แล้วทั้งสองพระองค์ก็ปกครองเมืองรัตนาอย่างมีความสุข ตลอดมา





ขอบคุณที่มา thaigoodview

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น