04 กรกฎาคม 2552

เเก้วหน้าม้า

เเก้วหน้าม้า




กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า “ มิถิลา”เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์ทรงพระนามว่า “ ภูวดลมงคลราช ” พระองค์มีพระมเหสีทรงพระนามว่า “ พระนางนันทา ” ทั้งสองพระองค์ มีพระโอรสทรงพระนามว่า “ ปิ่นทอง” พระนครเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข

ในเมืองนี้มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกสาวห น้าตาคล้ายม้า ก่อนคลอดมารดาของนางฝันว่ามีเทวดานำแก้วมาให้นาง ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อลูกสาวของนางว่า “ มณี ” หรือ “ แก้วหน้าม้า” และถึงแม้ว่านางจะมีหน้าหน้าประหลาด นางก็มีความเฉลียวฉลาด มีมนต์วิเศษสามารถทำนายดินฟ้าอากาศได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น นางจึงสามารถบอกให้ชาวนาปลูกพืชผลตรงตามสภาพดินฟ้าอา กาศ ความรู้ของนางไม่ได้นำมาซึ่งความมั่นคงแต่เฉพาะครอบค รัวของนางเท่านั้น แต่งยังรวมไปถึงชุมชนทั้งหมดอีกด้วย

วันหนึ่ง เจ้าชายปิ่นทองทรงปล่อยว่าวตัวโปรดขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งก็เกิดขาดลอยตามลมมาตกลงเบื้องหน้าของแก้วพอดี เมื่อนางเห็นว่าวรูปร่างลักษณะดีก็ตัดสินใจยึดเป็นขอ งตนเองแต่เพียงอึดใจต่อมา ข้าราชบริพาร ของเจ้าชายก็มาถึงและขอว่าวคืน แก้วปฏิเสธที่จะให้พวกเขา และยืนกรานที่จะคืนให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น เมื่อเจ้าชายเสด็จมาถึงที่นั้นและได้ยินแก้วพูดก็ทรง โกรธมาก และคิดว่าหญิงผู้นี้พูดจาโยกโย้น่ารำคาญ พระองค์เกลียดนางยิ่งนักเมื่อเห็นนางมีใบหน้าที่ประห ลาด แต่ด้วยความที่อยากได้ว่าวของตนคืนจึงแกล้งทำดีกับนา งไปอย่างนั้นเอง เจ้าชายสัญญาจะให้รางวัลแก่นางอย่างงาม เพื่อแลกเปลี่ยนกับว่าวตัวโปรดของพระองค์ แต่แก้วปฏิเสธ ที่จะรับสิ่งใด ๆ นางต้องการให้เจ้าชายอภิเษกสมรสกับนาง แล้วนำนางไปอยู่ในวังด้วย โดยที่ไม่ทรงคิดจริงจัง เจ้าชายก็ตกลงตามความต้องการของนาง เพียงเพื่อจะให้ได้ว่าวกลับคืนมาเท่านั้น หลังจากได้ว่าวแล้วเจ้าชายปิ่นทองก็หายเงียบไปโดยไม่ รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง แก้วรอเจ้าชายเป็นเวลาหลายวันแต่ก็ไม่เห็นเงาของพระอ งค์ ดังนั้นนางจึงอ้อนวอนให้บิดามารดาของนางไปเข้าเฝ้าพร ะราชา และทูลถามพระองค์เกี่ยวกับสัญญาที่พระโอรสของพระองค์ ให้ไว้กับนาง แรกที่เดียว สองสามีภรรยาก็บอกให้ลูกสาวของตนเสงี่ยมเจียมตัว แต่แก้วก็ล้มป่วยลงเพราะไม่ยอมกินอะไร บิดามารดาของนางกลัวลูกสาวจะอดข้าวตาย จึงต้องไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ ซึ่งก็ทำให้พระองค์ทรงพิโรธในทันทีที่ได้ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามพระราชินีทรงมีเมตตาต่อพวกเขา และสัญญาว่าจะถามพระโอรสเกี่ยวกับคำสัญญาส่งเดชนี้ให ้ หลังจากได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดจ ากพระโอรสของนางแล้ว พระราชินีก็รับสั่งให้เจ้าชายรักษาคำพูด และดังนั้นจึงส่งนางกำนัลให้ไปรับแก้วเข้าวัง แต่แก้วปฏิเสธที่จะมาเพราะว่านางต้องการนั่งวอทอง ที่ใช้โดยพระบรมวงศ์ของกษัตริย์ หลังจากได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา แล้วแก้วก็มาอยู่ในวัง ซึ่งก็ไม่ได้ให้ความสุขดังที่ตนคาดหวังไว้ เพราะเจ้าชายไม่เคยขอนางแต่งงาน

วันหนึ่ง พระเจ้าภูวลดรับสั่งให้แก้วเข้าเฝ้าและทรงตั้งเงื่อน ไขว่า ถ้าหากนางสามารถนำภูเขาพระสุเมรุมาประพระราชอุทยานได ้ และแล้วพระองค์ก็จะจัดพิธีอภิเษกสมรสให้นางกับเจ้าชา ยปิ่นทอง แต่ว่าถ้าหากไม่สามารถปฏิบัติตามได้ นางก็จะได้รับโทษประหารชีวิต ด้วยความดีใจอย่างยิ่งแก้วตอบตกลงโดยไม่ทันคิดให้รอบ คอบ และออกเดินทางไกลเพื่อหาเขาพระสุเมรุถึงแม้ว่านางจะเ ดินผ่านมาหลายดงพงไพร ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายมากมาย แก้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เขาที่ว่านั้น ด้วยความอิดโรยจากการเดินทางที่แสนจะลำบากแก้วล้มลงก ับพื้นและหมดสติไป

หลังจากฟื้นคืนสตินางก็ได้พบพระฤๅษีผู้ซึ่งรู้สึกสงส ารนาง เพราะนางไร้เดียงสาเกินไปที่จะล่วงรู้ถึงกลลวงได้พระ ฤๅษีจึงตัดสินใจช่วยนาง และด้วยอำนาจเวทมนต์วิเศษของตน ตอนนี้แก้วก็สามารถถอดหน้ากากม้าออกได้ และปรากฏเป็นสาวสวยเมื่อไรก็ได้ พระฤๅษียังได้มอบหนังสือซึ่งสามารถกลายเป็นเรือเหาะห รืองูก็ได้และไม้เท้าซึ่งสามารถแปลงเป็นมีดวิเศษได้ และแล้วพระฤๅษีก็บอกให้นางนำมาเพียงก้อนหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่ง จากภูเขาพระสุเมรุแล้วนำไปวางไว้ในพระราชอุทยานเท่าน ั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะราชาไม่ได้เอ่ยถึงภูเขาทั้งลูก หลังจากวางก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งในพระราชอุทยานแล้ว แก้วก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระราชาก็ได้แต่เงียบขรึม เมื่อทรงทราบความจริงแล้ว พระราชินีก็รับสั่งให้จัดพิธีอภิเษกสมรสตามสัญญาที่ใ ห้ไว้กับแก้ว ซึ่งก็สร้างความไม่พอพระทัยให้กับพระราชาและเจ้าชายอ ย่างยิ่ง

ต่อมาภายหลัง พระราชาก็ทรงดำริถึงแผนการอื่นที่จะกำจัดแก้ว พระองค์จึงส่งพระราชสาสน์ไปยัง พระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์ผู้ครองเมืองโรมวิถี เพื่อขอพระธิดาของพระองค์ ซึ่งพระนามว่า ทัสมาลี ให้เจ้าชายปิ่นทอง พระเจ้าพรหมทัตตอบตกลง และกำหนดวันสำหรับโอกาสอันเป็นมงคล เมื่อเจ้าชายปิ่นทองเตรียมเดินทางออกจากเมืองโดยเรือ แก้วก็มาแสดงความไม่พอใจต่อพระองค์ และตำหนิพระองค์ว่าไม่มีความซื่อสัตว์ต่อนาง เจ้าชายโกรธมากและสั่งให้แก้วมีโอรสให้ตนให้ได้พระอง ค์ต้องการเห็นโอรสของพระองค์เมื่อเสด็จกลับมา และถ้าหากแก้วมีโอรสให้พระองค์ไม่ได้นางก็จะถูกประหา รชีวิต แก้วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะมีโอรสให้เจ้าชาย โดยไม่มีการหลับนอนกันเลยได้อย่างไร

ถึงแม้ว่าจะรู้สึกสิ้นหวังแต่ก็มีจิตใจแน่แน่วที่จะแ ก้เผ็ดเจ้าชายให้จงได้ เพื่อรับคำท้าของเจ้านาย นางออกจากเมืองและไปยังเมืองโรมวิถีโดยอาศัยเรือเหาะ ของตน หลังจากถอดหน้ากากหน้าม้าออกแล้ว แก้วก็ไปอาศัยอยู่กับตายายใกล้แม่น้ำนอกเมือง วันหนึ่งในขณะอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ เจ้าชายปิ่นทองก็ได้มาพบนางเข้าและหลงใหลในความงามขอ งนางในขณะที่ชายาใหม่ของพระองค์กำลังบรรทมอยู่นั้น เจ้าชายก็แอบออกมาจากวังและแต่งกายเป็นชาวบ้านมาเกี๊ ยวพาราสีแก้ว ผู้ซึ่งก็พร้อมจะเป็นชายาของพระองค์อยู่แล้วเพราะต้อ งการมีลูกกับพระองค์ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนกระทั่งแก้วตั้งครรภ์ ก่อนที่จะจากไปเจ้าชาย ได้มอบแหวนให้นางไว้แล้วเสด็จกลับเมืองมิถิลาโดยไม่ไ ด้นำเจ้าหญิงทัสมาลีไปด้วย

หลังจากคลอดบุตรชายแล้ว แก้วก็ผูกแหวนไว้กับแขนของลูกน้อยแล้วส่งไปอยู่กับพร ะฤๅษีซึ่งเคยช่วยเหลือตน พระฤๅษีเข้าฌานดูก็รู้ว่าเจ้าชายปิ่นทองกำลังอยู่ในอ ันตราย เพราะว่าถูกล้อมโดยกองทัพยักษ์นำ โดยพญายักษ์ชื่อว่า พาละราช แล้วพระฤๅษีก็แปลงแก้วให้เป็นชาย และสั่งให้นางไปช่วยเจ้าชายในทันที แก้วสามารถฆ่ายักษ์ได้สำเร็จแล้วยึดเมืองไว้ได้ พระมเหสีของพญายักษ์จึงยกธิดาผู้เลอโฉมทั้งสองพระองค ์ นามว่า สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดาตามลำดับให้กับเจ้าชายปิ่นท อง แต่เจ้าชายปฏิเสธที่จะรับเพราะตนไม่ใช่ผู้ ที่ชนะศึก ดังนั้นองค์หญิงทั้งสองพระองค์จึงควรตกเป็นชายาของแก ้วผู้ซึ่งรับไว้โดยไม่รีรอ

แล้วแก้วก็บอกให้เจ้าชายปิ่นทองอยู่ในเมืองยักษ์ไปสั กระยะหนึ่งก่อน ในขณะที่นางนำธิดาของยักษ์ ไปยังกระท่อมชองพระฤๅษี และบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง หลังจากบอกเจ้าหญิงทั้งสองว่าตนเป็นใครแล้ว แก้วก็นำเจ้าหญิงทั้งสองไปพบเจ้าชายปิ่นทองและมอบให้ เป็นชายาของเจ้าชายและแล้วแก้วก็กลับมาหาลูกที่ศาลาพ ระฤๅษี

หลังจากอยู่ในเมืองยักษ์มาระยะหนึ่ง เจ้าชายก็พาชายาทั้งสองกลับไปยังเมืองของพระองค์ และต้องประหลาดพระทัยที่ต้องเผชิญหน้ากับแก้ว ผู้ซึ่งนำพระโอรสของพระองค์มาถวาย แรกทีเดียวก็ไม่ทรงเชื่อ แต่แหวนที่ข้อมือของกุมารทำให้พระองค์ต้องเชื่อและรั บกุมารเป็นโอรสของพระองค์ แล้วเจ้าชายก็ตั้งชื่อพระโอรสว่า “ ปิ่นแก้ว”
เวลาต่อมาเจ้าหญิงทัสมาลีเกิดคิดถึงเจ้าชายปิ่นทอง ดั้งนั้นจึงตามมาพบพระองค์แต่ก็ต้องเจ็บใจที่พบว่า เจ้าชายแสดงความรักต่อสร้อยสุวรรณและจันทร์สุดามากกว ่าตน นางจึงจำใจกลับเมืองของตนด้วยความผิดหวังและเคียดแค้ น

เมืองมิถิลามีความสงบสุขมานาน จนกระทั่งพระธิดาแฝดทั้งสามอายุวัยรุ่นและก็มีเหตุกา รณ์อื่นเกิดขึ้นอีก ในขณะที่พระธิดาวัยรุ่นทั้งสามพระองค์กำลังพักผ่อนอิ ริยาบถอยู่ในพระราชอุทยาน ก็มีนกหัสดีลิงค์บินมา โฉบเอาทั้งสามพระองค์ไปด้วยนึกว่าเป็นเหยื่อ แต่ก่อนที่พระธิดาทั้งสามจะถูกนกยักษ์กลืนลงคอ พระฤๅษีซึ่ง อาศัยอยู่บริเวณนั้นก็ออกมาช่วยไว้ทันและมีความสงสาร ในพระธิดาทั้งสามอย่างมาก จึงช่วยสั่งสอนวิชาอาคมให้จนเก่ง

ในเวลานั้น มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า เมืองโรมจักร ปกครองโดยท้าวทศมิตร ท้าวเธอมีโอรสวัยรุ่น 3 องค์คือ ทินกร ศรนรินทร์ และสินนรา ตามลำดับวันหนึ่งในขณะที่เจ้าชายทั้งสามประพาสไปทางท ะเลเรือของทั้งสามพระองค์ถูกพายุใหญ่พัดจมลง โชคดีที่พญานาคใจบุญมาช่วยไว้ และให้พิษใส่ไว้ในกายของทั้งสาม เพื่อใช้ป้องกันตัวเมื่อเผชิญกับอันตราย แล้วเจ้าชายทั้งสามก็กราบลาพญานาค และขอบคุณสำหรับความเมตตาแล้วก็ออกเดินทางผ่านป่าดงพ งไพร่ต่อไป

ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ได้สั่งสอนวิชาอาคมให้เจ้าหญิงทั้งสามแล้ว พระฤๅษีทั้งสามแล้ว พระฤๅษี ก็ตัดสินใจหาสามีที่เหมาะสมให้กับนางทั้งสามแล้ว ท่านฤๅษีก็ประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเอาชนะเจ้าหญิงองค ์ใดได้ ก็จะได้เป็นพระสวามีของเจ้าหญิงพระองค์นั้น ผู้ที่เข้าแข่งขันซึ่งรวมถึงมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ก็ ไม่สาเอาชนะองค์หญิงได้ เมื่อเจ้าชายทั้งสามได้ข่าวการแข่งขันก็ได้เข้าร่วมด ้วยผลปรากฏว่าเจ้าชายทั้งสามมีฝีมือเท่ากับเจ้าหญิงท ั้งสาม เนื่องจากไม่มีผู้แพ้และผู้ชนะในการต่อสู้กัน พระฤๅษีคิดว่าทั้งหมดเป็นเนื้อคู่กัน

ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหญิงทัสมาลีก็ประสูติพระโอรสพระนามว่า เจ้าชายปิ่นศิลป์ไชย ผู้ซึ่งถูกส่งไป ศึกษาวิชาอาคมกับอาจารย์ในเมืองของตน เมื่อโอรสของพระนางเจริญวัยแล้วเจ้าหญิงทัสมาลีก็คิด ถึงเจ้าชายปิ่นทองขึ้นมา จึงให้อาจารย์ทำเสน่ห์ให้เพื่อทำให้เจ้าชายหลงรักมาก จนกระทั่งไม่สามารถจะอยู่อย่างสงบได้ เจ้าชายจึงขโมยเรือเหาะ มีดวิเศษและหน้ากากม้าจากแก้วแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองโร มวิถี
เมื่อรู้ความจริง แก้วก็ยกทัพไปยังเมืองโรมวิถีและต้องการตัวเจ้าชายปิ ่นทองกลับ แต่เจ้าหญิงทัสมาลีปฏิเสธ และส่งโอรสของนางไปสู้กับแก้ว ในช่วงแรกแก้วได้เปรียบ แต่เจ้าชายปิ่นศิลป์ไชยขอให้อาจารย์ของ ตนช่วย และคราวนี้แก้วแพ้และถูกจับตัว เพื่อช่วยเหลือแก้วพระเจ้าภูดลจึงส่งเจ้าชายปิ่นแก้ว ไปช่วยมารดาของเจ้าชายเอง ในขณะออกเดินทางไปช่วยมารดาเจ้าชายปิ่นแก้วก็ได้พบกั บเจ้าชายทั้งสามผู้ซึ่งความจริงเป็นน้อง เขยของพระองค์เอง แต่เนื่องจากทั้งสามไม่รู้จักเจ้าชายปิ่นแก้ว จึงเกิดสู้รบกันขึ้นแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเจ้าชายปิ่น แก้วได้ ทั้งสามจึงกลับไปบอกภรรยาของตนผู้ซึ่งต่อมารู้ว่าศัต รูที่ว่านั้น คือ พระเชษฐาของพวกตน หลังจากทราบข่าวเกี่ยวกับมารดาของพวกตน เจ้าหญิงทั้งสามพร้อมทั้งพระสวามีจึงร่วมมือกับเจ้าช ายปิ่นแก้วทำสงครามกับเมืองโรมวิถี

หลังจากสงครามสงบลง หมอทำเสน่ห์ถูกจับตัวได้และสารภาพผิด ในขณะที่เจ้าชายปิ่นศิลป์ไชยหนี ไปได้ เจ้าหญิงทัสมาลีเองก็จะต้องโทษประหาร ถ้าหากว่าพระบิดาของนางไม่ขอร้อง พระเมตตาจากเจ้าชาย ปิ่นทอง ในขณะเสด็จกลับเมืองมิถิลา เจ้าชายปิ่นแก้วก็ได้พบกับเจ้าชายปิ่นศิลป์ไชยผู้ซึ่ งถูกทหารของตนล้อมอยู่ เจ้าชายปิ่นแก้วจึงบอกให้ยอมมอบตัวและลืมเรื่องในอดี ตเสีย เพราะต่างก็เป็นพี่น้องกัน เจ้าชายปิ่นศิลป์ไชย จึงขอให้พระเชษฐาอภัยโทษให้ แล้วก็ร่วมเดินทางไปยังเมืองของพระบิดา ทั้งหมดก็อยู่ในเมืองมิถีลาอย่างมีความสุข




ขอบคุณที่มา thaigoodview

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น